วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

CHO ชนะประมูลรถเมล์ NGV ของขสมก.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ช.ทวี ดอลลาเชียน จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ชนะประมูลจัดซื้อรถเมล์ NGV ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แล้ว โดยอยู่ในระหว่างรอการประกาศผลอย่างเป็นทางการ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการต่อรองเกี่ยวกับการซ่อมบำรุง
อนึ่งก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้บริษัทเข้าร่วมยื่น ซองประมูลงานจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ล๊อตแรกจำนวน 489 คัน จากหน่วยงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ราคากลาง (ราคาอ้างอิง) 3,650,000 บาทต่อคัน ซึ่ง ขสมก.มีวัตถุประสงค์จำเป็นเร่งด่วนต้องการใช้รถโดยสารปรับอากาศในระยะแรก จำนวน 489 คัน จากแผนการจัดหารถโดยสารคันใหม่ทั้งสิ้นจำนวน 3,183 คัน
โดยราคาหุ้น CHO ณ เวลา 16.31 น. ราคาอยู่ที่ 3.98 บาท บวก 3.98 บาท หรือ 5.85% ราคาสูงสุด 4.08 บาท ราคาต่ำสุด 3.72 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 108.75 ล้านบาท



ขอบคุณบทความจาก :: http://www.kaohoon.com/online/content/view/7725


หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย


Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

รีวิวการใช้งาน investorChart บน Mobile


สวัสดีครับ ผมเป็นทีมงานของบริษัท อินเวสเตอร์ ฟอรัม จำกัด เรามีให้บริการ chart.investor.co.th ซึ่งเป็นบริการฟรี ไม่คิดเงินครับ ^^ วันนี้ผมจะขออนุญาตอธิบายการใช้งานนะครับ


สามารถใช้งานได้ทั้งบน Mobile และบน PC ครับ แต่ในที่นี้จะมาอธิบายการใช้งานบน Mobile กันก่อนนะ


เริ่มแรกให้ทำการพิมพ์ www.investorz.com/chart ในช่อง URL ซึ่งสามารถใช้ได้ทุก Browser เลยไม่ว่าจะเป็น IE, Chrome, Filefox, Safari




การพิมพ์ชื่อหุ้น


การพิมพ์ชื่อหุ้น ให้ทำการคลิกบริเวณตรงชื่อหุ้นที่อยู่ตรงกลางด้านบน จะมีหน้าต่างแสดงออกมาให้ พิมพ์ชื่อหุ้นได้




การปรับ Period ของหุ้น
ปุ่มเปลี่ยน Timeframe ซึ่งมีให้เลือก 1min, 5min, 15min, 30min, 60min, 120min, 240Min, Day, Week, Month


Chart Setting


หลังจากได้เรียนรู้วิธีการเปลี่ยนชื่อหุ้นและปรับเปลี่ยน Timeframe เป็นกันแล้วคราวนี้มาดูใน setting กันครับว่าจะมีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง


เริ่มแรกให้ทำการกดปุ่มรูปฟันเฟือง เพื่อที่จะเข้าไปตั้งค่าต่างๆในหน้า Setting

Chart Setting นั้นแบ่งเป็นสัดส่วน ซึ่งมีรายละเอียดตามนี้


Showbar
เพิ่มจำนวนแท่ง ซึ่งในเวอร์ชั่นมือถือ ตั้งได้ 25-400







Chart Type
การตั้งค่ารูปแบบแท่งกราฟ มีทั้ง บาร์ แคนเดิ้ล เส้น ให้เลือกใช้




Overlay
ใส่เส้นพวก Avarage/Band ต่างๆที่ส่วนนี้ได้เลย อย่างเส้น MA ก็สามารถใส่ได้ไม่จำกัด แค่ใส่เครื่องหมาย ; หรือ , คั่นกลางระหว่างเลขเท่านั้น  สามารถใส่ได้ถึง 3 สูตรเลยนะครับ





Trading Signal
ช่องนี้เรามีให้เลือกสัญญาณซื้อขายต่างๆ เมือเลือกมาใช้แล้วจะมีลูกศรบอกจุดซื้อจุดขายในที่หน้ากราฟ



Indicators
ส่วนนี้เราทำ Indicator ไว้ให้ใช้งานกันหลายตัว ซึ่งสามารถเลือกมาใช้งานพร้อมกันได้ 3 ตัวครับ




Change Mode
เป็นฟังก์ชั่นปรับเปลี่ยนในรูปแบบหน้าตาเหมือน PC










ลองทดลองใช้กันดูนะครับ ถ้ามีข้อเสนอแนะอย่างไรรบกวนแนะนำด้วยครับ แล้วผมจะกลับมาแนะนำการใช้งานในเวอร์ชั่น PC อีกทีครับ


--------------------------------------------------------------------------------------
หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com


วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

6 เคล็ดลับบริหารเงินให้เป็นเศรษฐี

ไม่ว่าคุณจะเป็นมนุษย์เงินเดือน เจ้าของกิจการ หรืออาชีพอื่นๆ คุณก็สามารถกลายเป็นเศรษฐีได้ ถ้าคุณทำตาม 6 เคล็ดลับที่เป็นกุญแจสำคัญสู่ความร่ำรวยดังต่อไปนี้
เคล็ดลับบริหารเงินให้เป็นเศรษฐี
1.เงินทองเป็นของมีค่า ต้องใส่ใจอย่างจริงจัง
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ในแต่ละเดือนคุณจะ "เหลือเก็บก่อนค่อยเอาไปใช้ หรือ เหลือจ่ายก่อนค่อยเอาไปเก็บ" ลองพิจารณาสมการด้านล่างว่าแบบใดที่เป็นตัวคุณ
รายได้ - เงินออม = รายจ่าย (เหลือเก็บ ค่อยเอาไปใช้)
รายได้ - รายจ่าย = เงินออม (เหลือจ่าย ค่อยเอาไปเก็บ)
สมการออมเงินที่ดีต้องเป็นแบบแรก คือ หักเงินออมไว้ก่อน ที่เหลือจึงนำไปใช้จ่าย เพื่อกันเงินสำหรับการเก็บออมอย่างสม่ำเสมอในแต่ละเดือน แต่สำหรับคนที่มองหาความมั่งคั่ง สมการแบบนี้ก็ยังไม่เพียงพอ ต้องเลือกใช้สมการเศรษฐี นั่นคือ
รายได้ - เงินออม - เงินลงทุน = รายจ่าย โดยหลังหักเงินออมแล้ว ยังต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับลงทุนด้วย เพื่อให้เงินทำงาน เงินทองจะได้งอกเงยยิ่งๆ ขึ้นไป
2.ระยะเวลามีผลต่อผลตอบแทนในการลงทุน
"ยิ่งเริ่มต้นลงทุนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งรวยเร็วขึ้นเท่านั้น" ถ้าคุณเริ่มต้นออมเงินและลงทุนตั้งแต่วันนี้ คุณมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเร็วขึ้น โดยระยะเวลาการลงทุนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงสำหรับการได้รับผลตอบแทน เพราะยิ่งออมหรือลงทุนนานกว่า ก็รับผลตอบแทนที่มากกว่า และที่สำคัญต้องอย่าผัดวันประกันพรุ่งสำหรับการบริหารจัดการเงิน
3.รู้จักตนเองก่อนลงทุน
สำรวจตัวเองว่าคุณยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนได้มากน้อยเพียงใด ปัจจุบันสถาบันการเงินต่างๆ มีแบบทดสอบวัดระดับความเสี่ยงสำหรับลูกค้าก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อเลือกวัดระดับความเสี่ยงที่ลูกค้าแต่ละรายจะยอมรับได้ และเลือกประเภทการลงทุนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และเป้าหมายในการลงทุนของแต่ละบุคคล
4.ผลตอบแทนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยง
ผลตอบแทนของการลงทุนแต่ละประเภทแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยง การลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย ผลตอบแทนย่อมน้อยตาม แต่หากลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ก็อาจได้ผลตอบแทนที่สูงตามไปด้วยเช่นกัน แต่มีข้อพึงระวังว่าการลงทุนแบบนี้ก็เสี่ยงต่อโอกาสการขาดทุนได้เช่นเดียวกัน
5.กระจายการลงทุนในพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม
อย่าลงทุนกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนสูง เพราะนั่นหมายถึงคุณมีความเสี่ยงที่สูงมากในกรณีที่เกิดการขาดทุน แต่การจัดสรรพอร์ตการลงทุนโดยลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินแต่ละประเภทอย่างเหมาะสม ในระดับที่มีความเสี่ยงน้อยไปถึงมาก จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้
6.ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการลงทุน
"การลงทุนมีความเสี่ยง" โดยเฉพาะถ้าลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนและให้ผลตอบแทนที่สูง จำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ มีข้อมูลรอบด้าน และมีการวางแผนจัดการที่ดี เพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้องแม่นยำ หากไม่มั่นใจให้เลือกปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน หรือผู้จัดการการเงินส่วนบุคคล ซึ่งจะช่วยให้การตัดสินใจลงทุนไม่ผิดพลาด และจะช่วยวาง แผนการเงินให้สอดคล้องกับความต้องการและเป้าหมายในชีวิต เพื่อปูทางสู่อนาคตทางการเงินที่สดใสของคุณไงล่ะ

ข้อมูลจาก : ธนาคาร HSBC
เนื้อหาโดย www.appeal-magazine.com
----------------------------------------
หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

วิธีการตั้งค่า Default chart.investor.co.th บน PC


ในหลายๆท่านได้ใช้งาน http://chart.investor.co.th/ กันมาบ้างแล้ว และได้ลองทำการปรับแต่งค่าต่างๆในกราฟและมีความรู้สึกอยากกลับไปเป็นค่า Default แต่จำค่า Default ไม่ได้ และจะทำยังไงกันดี วันนี้เรามีวิธีการ Reset ให้เป็นค่า Default ง่ายเพียงแค่ปุ่มเดียว งั้นเราไปดูวิธีการทำเลยกันดีกว่านะครับ

วิธีการตั้งค่า Default investorChart บน PC

  1. ให้เข้าไปที่ Setting 

    

     2.ให้ทำการกดปุ่ม Reset 1 ครั้ง จะได้ค่า Default กลับคืนมา




     3.กดปุ่ม Update  เพียงเท่านี้ก็เป็นการเรียกค่า Default กลับคืนมา



เป็นยังไงบ้างครับไม่ยากเลยใช่มั้ยครับกับการเรียกค่า Default กลับคืนมา 

--------------------------------------------------------------------------------------
หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

Investor's Forum - AmiBroker - Add Formula [02]

Program: investor plugins; AmiBroker

Video นี้เป็นการแสดงวิธีการนำสูตรมาใช้งานนะครั­บ

การนำสูตรมาลงในโปรแกรมนั้นก่อนอื่นต้องดู­ก่อนว่าสูตรที่เราได้มานั้นเป็นรูปแบบใหน ซึ่งหลักๆแล้วเค้าจะแจกอยู่เป็น 2 ลักษณะครับ

1. แจกมาในรูปแบบของ Code AFL
ไปติดตามได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=-cEdo...

2. แจกมาในรูปแบบของไฟล์ .AFL

ซึ่งใน Video นี้จะแสดงวิธีการนำสูตรในรูปแบบของไฟล์ .AFL มาใส่ครับ


ขอให้สนุกกับการใช้งานนะครับ
----------------------------------------
หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

โบลินเจอร์ แบนด์ BOLLINGER BANDS



โบลินเจอร์ แบนด์ BOLLINGER BANDS




BOLLINGER BANDS เป็นกรอบการซื้อขายที่มีระยะห่างจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่เปลี่ยนแปลงไปตามการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งเท่ากับ 2 เท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (STANDARD DEVIATION) แล้วเขียนเส้นคู่ไปกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งด้านบน และด้านล่าง เมื่อมีการเคลื่อนที่ของหุ้นอย่างรุนแรง ช่องการซื้อขายจะขยายตัวห่างออกจากกัน แต่ถ้ามีการเคลื่อนไหวของราคาน้อย ช่องการซื้อขายจะบีบตัวแคบลง

BOLLINGER BANDS จะประกอบไปด้วยเส้นสามเส้น เมื่อเป็น trend ลง ราคาหุ้นจะเกาะขอบล่างลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อราคาเริ่มแกว่งตัวขึ้น ทะลุเส้นกลางขึ้นมายืนได้เต็มแท่ง นั่นหมายถึงจุดเข้าซื้อ (จุด A)




เมื่อเป็นขาขึ้นราคาก็จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบเส้นบนกับเส้นกลาง โดยจะไม่หลุดเส้นกลางลงมา แต่ถ้าหลุดลงมาเต็มแท่งนั่นหมายถึงสัญญาณขาย (จุด B)


การใช้งาน
- ซื้อเมื่อราคาทะลุเส้นกลางขึ้นมา และขายเมื่อราคาตกลงต่ำกว่าเส้นกลางลงไป
- เมื่อเป็นขาขึ้นราคาจะเกาะขอบ BB Top ไปเรื่อยๆ โดยไม่ตกลงมาต่ำกว่า BB Avg (BB average เส้นกลาง)
- เมื่อเป็นขาลงราคาจะเกาะของล่าง BB Btm ไปเรื่อยๆ โดยไม่ขึ้นมาเกินกว่า BB Avg

อีกวิธีหนึ่งในการใช้ Bollinger band เป็นจุดเข้าซื้อ คือเมื่อราคาลงมาถึงจุดๆหนึ่งจนไม่มีใครสนใจ ราคาก็จะไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว ทำให้ bollinger bands ทั้ง 3 เส้นเคลื่อนตัวเข้ามาแทบจะชิดติดกันเป็นเวลานาน จนวันหนึ่งหุ้นตัวนี้เริ่มมีคนสนใจ ราคาจะทะลุเส้น bollinger band ด้านบนขึ้นไปด้านบน จังหวะนี้เป็นจังหวะที่ต้องเก็บหุ้นตัวนี้เข้าพอร์ตทันที เพราะลักษณะนี้ราคาจะไปได้อีกไกลมาก


ข้อมูลจาก http://www.sornhoon.com/d-bollinger-bands.aspx

------------------------------------------------------------------------------------


หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com


วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

Investor's Forum - AmiBroker - Add Formula [01]

Program: investor plugins; AmiBroker

Video นี้เป็นการแสดงวิธีการนำสูตรมาใช้งานนะครับ

การนำสูตรมาลงในโปรแกรมนั้นก่อนอื่นต้องดูก่อนว่าสูตรที่เราได้มานั้นเป็นรูปแบบใหน ซึ่งหลักๆแล้วเค้าจะแจกอยู่เป็น 2 ลักษณะครับ

1. แจกมาในรูปแบบของ Code AFL
2. แจกมาในรูปแบบของไฟล์ .AFL

ซึ่งใน Video นี้จะแสดงวิธีการนำสูตรในรูปแบบของ Code AFL มาใส่ครับ


ขอให้สนุกกับการใช้งานะครับ ;)
----------------------------------------
หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com


FAST STOCHASTIC คืออะไร



สโตแคสติกส์แบบเร็ว FAST STOCHASTIC

STOCHASTIC  แบบเร็วนี้ เป็นเครื่องมือวัดการแกว่งตัวของระดับราคาในปัจจุบัน ภายในช่วงกว้างของระดับราคา ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ซึ่งมีการแกว่งตัวที่รวดเร็วมาก จึงทำให้หลายฝ่ายไม่นิยมใช้ เนื่องจากมีการแกว่งตัวที่ผันผวนและไม่แน่นอน ดังนั้น SLOW STOCHASTIC จึงเป็นที่นิยมใช้มากกว่า

STOCHASTIC นี้ประกอบด้วยค่าดัชนีสองค่าคือ %K และ %D โดยจะบอกถึงภาวะซื้อมากไป (OVERBOUGHT) เมื่อ STOCHASTIC ตัดเส้น 80%  ขึ้นไป  คืออยู่ในช่วงระหว่างเส้น 80%  ถึง  100  %
และจะบอกภาวะขายมากไป (OVERSOLD)

เมื่อ  STOCHASTIC   เตือนชี้จะเกิดขึ้นเมื่อเส้น %D ตัดเส้น 20% ลงมา  สัญญาณซื้อจะเกิดขึ้นเมื่อเส้น  %Kตัดเส้น %D ขึ้นไป

สำหรับสัญญาณเตือนขายจะเกิดขึ้นเมื่อเส้น %D ตัดเส้น 80% ขึ้นไป   และสัญญาณขายจะเกิดขึ้นเมื่อเส้น %K ตัดเส้น  %D ลงมา






ข้อมูลจาก http://www.taladhoon.com/set/wp-content/uploads/data/lib/irsta01/irsta01-10-d.htm

------------------------------------------------------------------------------------
หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com


วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

RSI คืออะไร



RSI เป็นเครื่องมือที่นำมาใช้วัดการแกว่งตัวของราคาหุ้น สำหรับการลงทุนในช่วงหนึ่ง เพื่อดูภาวะการซื้อมากเกินไป (OVERBOUGHT) หรือขายมากเกินไป (OVERSOLD) ซึ่ง RSI นี้จะวิ่งอยู่ระหว่าง 0 - 100 โดยใช้ระดับเหนือ 70% บอกภาวะ OVERBOUGHT หรือซื้อมากเกินไป มีโอกาศที่ราคาจะปรับตัวลงมา และระดับต่ำกว่า 30% บอกภาวะ OVERSOLD หรือขายมากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นไป และยังใช้เป็นสัญญาณเตือนว่า แนวโน้มของราคาหุ้นที่กำลังมีทิศทางขึ้นหรือลงนั้น กำลังใกล้จะอ่อนตัวลงหรือยัง โดยมีสัญญาณเตือนที่แสดงออกมาในรูปแบบของการขัดแย้งกัน (DIVERGENCE) ระหว่างราคาหุ้นกับ RSI







วิธีใช้งาน RSI
1) ต่ำกว่าเส้น 30 คืออยู่ในเขต oversold เป็นช่วงแรงขายมากเกินไป ราคาอาจปรับตัวขึ้น แต่บางครั้งถ้าแนวโน้มยังคงเป็นขาลงที่แข็งแกร่งก็ยังไม่สามารถซื้อได้ถ้าแนวโน้มยังลงอยู่
2) เหนือกว่าเส้น 70 คืออยู่ในเขต overbought เป็นช่วงแรงซื้อมากเกินไป
แต่บางครั้งถ้าแนวโน้มยังคงเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่งก็ยังไม่สามารถขายได้ถ้าแนวโน้มยังขึ้นอยู่
3) จะใช้ RSI ดู Overbought, Oversold ได้ดีตอนเป็น sideway 
4) นิยมใช้ดูการทำ Divergence ของระดับราคาหุ้นกับค่า RSI ซึ่งมักจะเป็นช่วงสูงสุดหรือต่ำสุดของตลาด (ความหมายของ Divergence คือ เมื่อระดับราคาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ RSI ไม่ได้ทำจุดสูงสุดตาม)

ข้อมูลจาก http://www.sornhoon.com/d-rsi.aspx
------------------------------------------------------------------------------------


หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com


วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558

Moving Average Convergence Divergence – MACD คืออะไร


Moving Average Convergence Divergence – MACD คืออะไร 


ในเหล่านักลงทุน คงเคยได้ยินคำ MACD บ่อยมาก บางคนก็เรียก M-A-C-D บางคนก็อ่านว่า MAC-D ในบทความนี้ก็เลยจะมาคลายความสงสัยกันว่าเจ้า MACD นั้นคืออะไร ?

MACD หรือ Moving Average Convergence Divergence เป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ของราคาเฉลี่ยใน 2 ช่วงเวลา โดยวิธีการคำนวณหา MACD นั้นคือการนำเส้น EMA 12 วัน ลบด้วย EMA 26 วัน ก็จะได้เส้น MACD
ส่วนเส้นสัญญาณ หรือ Signal Line นั้นก็คือเส้น EMA 9 วันโดยเปลี่ยนจากปกติเราใช้ราคา 9 วันย้อนหลังแต่เปลี่ยนเป็น MACD 9 วันย้อนหลังแทน



3 วิธีที่นักลงทุนนิยมใช้ MACD 

Crossovers จากที่เห็นในกราฟประกอบด้านบนจะสังเกตุได้ว่าเมื่อ MACD ตกลงมาต่ำกว่าเส้นสัญญาณ​ (Signal Line) เป็นการบ่งบอกถึง สภาวะ Bearish (ตลาดหมี) จึงอาจจะเป็นสัญญาณในการขาย ในทางกลับกันเมื่อเส้น MACD สูงกว่าเส้นสัญญาณ​ (Signal Line) นั้นก็หมายถึงสภาวะ Bullish (ตลาดกระทิง) ซึ่งอาจหมายความว่าราคาอาจจะมีแรงพลักดันให้ขึ้นสูงกว่านี้ นักลงทุนส่วนใหญ่จึงรอสัญญาณที่ชัดเจนก่อนเพื่อป้องกันการเกิด สัญญาณหลอก หรือ การเข้าซื้อก่อนเวลา ยกตัวอย่างลูกศรอันแรกในภาพด้านบน
Divergence เมื่อราคาหุ้นเกิดขึ้นลงสวนทางกับ MACD อาจหมายถึงสัญญาณการจบเทรนด์ เนื่องจากกับทำราคาสูงสุดครั้งล่าสุดนั้นมีแรง น้อยกว่า ครั้งก่อน จึงอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายและราคาสูงสุดครั้งต่อไปอาจจะต่ำกว่านี้ บทสรุปคือการเป็นการจบลงของเทรนด์ขาขึ้น
Dramatic Rise หาก MACD เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นหมายความว่า ราคาเฉลี่ยในระยะสั้น เริ่มห่างออกจากราคาเฉลี่ยระยะยาว จึงเป็นสัญญาณว่าหุ้นตัวนั้นอาจจะมีการซื้อมากเกินไป หรือ Overbought และ ต้องกลับมาในระดับที่ปกติเร็วๆ นี้
ข้อมูลจาก 
http://www.setinvestor.com/macd/
------------------------------------------------------------------------------------



หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

สำรวจหุ้นขึ้น XD หลังสงกรานต์



สำรวจหุ้นขึ้น XD หลังสงกรานต์




เปิดรายชื่อหุ้นขึ้น XD ใน 2 สัปดาห์แรกหลังสงกรานต์ 16-24 เม.ย.58  เริ่มจากหุ้นบิ๊กแคป BBL-SCCC  ขึ้น XD วันที่ 17 เม.ย.นี้


16 เม.ย.      
CPTGF       ลดทุนจดทะเบียนชำระแล้ว จากหุ้นละ 10.1202 บาท เป็นหุ้นละ 10.1162 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วยลงทุน


17 เม.ย.          
 BBL             XD  หุ้นละ  4.50 บาท
BIGC            XD  หุ้นละ  2.62 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
FSMART      XD  หุ้นละ  0.20 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
HMPRO       XD  หุ้นละ  0.07333 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
KGI               XD  หุ้นละ  0.365 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
MINT            XD  หุ้นละ  0.25 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
SCCC            XD  หุ้นละ  7.00 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
TVI                XD  หุ้นละ  0.111112 บาท
HMPRO        XD  หุ้นปันผล 15 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
MINT            XD  หุ้นปันผล 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
TVI                XD  หุ้นปันผล 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่
HMPRO        XD  หุ้นปันผล 15 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
MINT            XD  หุ้นปันผล 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
TVI                XD  หุ้นปันผล 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่
                 

20 เม.ย.      
JMART         XD  หุ้นละ  0.25 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
JMT              XD  หุ้นละ  0.19 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
QLT             XD  หุ้นละ  0.50 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
TIES-W2      XE  1:4.694 @ 1.00 บาท
TSF-W3       XE  1:1.09443 @ 0.228 บาท
JMART        XR  5:1 @ 10.00 บาท
JMT             XR  12:1 @ 13.00 บาท
JMART        XW       -          


21 เม.ย.      
AIT             XD  หุ้นละ  1.10 บาท
ANAN        XD  หุ้นละ  0.068 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
CIMBT       XD  หุ้นละ  0.0075 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
FORTH      XD  หุ้นละ  0.15 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
GUNKUL   XD  หุ้นละ  0.028 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
HTECH       XD  หุ้นละ  0.065 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
KTB            XD  หุ้นละ  0.90 บาท
KTB-P        XD  หุ้นละ  1.0545 บาท
TMB          XD  หุ้นละ  0.06 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
TTCL         XD  หุ้นละ  0.30 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
GUNKUL   XD  หุ้นปันผล 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
                 

22 เม.ย.        
ECF          XD  หุ้นละ  0.069 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
KIAT         XD  หุ้นละ  0.02 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
VTE          XR  10:1 @ 2.05 บาท
                 
23 เม.ย.              
                 
BJC         XD  หุ้นละ  0.25 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
QH         XD  หุ้นละ  0.01852 บาท   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
QH         XD  หุ้นปันผล 6 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่   (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.57)
CKP        XR  1:0.34 @ 3.00 บาท
                 


24 เม.ย.
AF            XD  หุ้นละ  0.50 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
AMARIN  XD  หุ้นละ  0.70 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
ASIA         XD  หุ้นละ  1.25 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
SEAFCO   XD  หุ้นละ  0.15 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
SST           XD  หุ้นละ  0.037037037 บาท
TOPP       XD  หุ้นละ  4.60 บาท   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
SEAFCO   XD  หุ้นปันผล 20 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่   (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.57)
SST           XD  หุ้นปันผล 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่
CIG           XW  4:1
GIFT         XW  2:1

จาก http://www.moneychannel.co.th/
---------------------------------------------------------------------------------------------

หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

5 แนวคิด เปลี่ยนคุณเป็นเศรษฐีได้ไม่ยาก


5 แนวคิด เปลี่ยนคุณเป็นเศรษฐีได้ไม่ยาก





        หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าต้องลาออกมาเปิดธุรกิจของตัวเองเท่านั้นถึงรวย แต่จริงๆแล้วทำอาชีพไหนก็รวยได้ ขอแค่เข้าใจวิธีการจัดการเงินและหนี้สินที่ดี คำว่าเศรษฐีก็อยู่ไม่ไกลแล้วครับ

คำโบราณที่ว่า การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ เป็นคำสอนที่ถูกต้องที่สุดแล้วครับ เพราะคนเราต่อให้มีรายได้มากแค่ไหน สิ่งที่โตตามไปด้วยก็คือรายจ่าย ที่เรามักจะจ่ายกันมากขึ้นเป็นเงาตามตัว คำนวนแล้วก็เหลือเงินเก็บอยู่เท่าเดิม แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น ความรับผิดชอบมากขึ้น ย่อมต้องมีรายจ่ายที่ไม่คาดฝันเกาะไหล่เกาะหลังเราอยู่อย่างนับไม่ถ้วน (ค่ารักษาพยาบาลญาติผู้ใหญ่, ค่าใช้จ่ายสังคม และอื่นๆอีกมากมาย) เมื่อถึงจุดที่รายจ่ายแซงหน้ารายได้ นั่นคือหนี้สิน แต่เราสามารถวางแผนจัดการหนี้สินให้ดี และมีแนวคิดเรื่องการเงินที่จริงจัง ชีวิตจะดีขึ้นแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานออฟฟิศหรือเจ้าของธุรกิจ




 1 . พยายามหารายได้เข้าให้มากที่สุด 
พนักงานออฟฟิศ หรือเจ้าของธุรกิจ ต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำเยอะมากในแต่ละวัน หลายคนก็อยากจะแบ่งเวลาหลังเลิกงานเอาไว้พักผ่อน ตามวิถี Work Life Balance ผลก็คือทุกคนมีรายได้ประจำเพียงแค่ 1 ช่องทาง และเป็นจำนวนตายตัว ต่อให้คุณรู้ว่าเดือนหน้าจะต้องมีค่าใช้จ่ายพิเศษมากมาย ซึ่งบางทีอาจจะเกินเงินเดือนหรือรายได้ที่คุณได้รับ ผลที่ตามมาคือหนี้สิน

ถ้าคุณถามผู้ใหญ่หรือคนที่ประสบความสำเร็จทุกวันนี้ ทุกคนจะสอนคุณเหมือนกันหมดว่า จงพยายามอย่าอยู่เฉย หารายได้เข้ามาให้ได้หลายทางมากที่สุด จะเล็กหรือน้อยไม่สำคัญ แต่ที่ต้องทำให้ได้คือการหา Passive Income หรือรายได้อีกทางนอกจากเงินเดือน เช่นรายได้จากการลงทุน, จากการขายของ หรือจากการเป็น Freelance ก็ตาม ยิ่งคุณขยับตัวมาก คุณก็จะยิ่งเห็นโอกาสมากกว่าคนอื่นไปด้วย



2. ออมเงินเพื่อลงทุน ไม่ใช่ออมเงินเพื่อเก็บไว้ในธนาคาร
เราเห็นหลายคนมีความคิดที่ว่า จะเก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์เพียงอย่างเดียวเพื่อความปลอดภัย แต่เราอยากจะบอกว่า ให้เปลียนความคิดจะดีกว่า เพราะการเก็บเงินแต่ไม่เอาไปลงทุนทางใดทางหนึ่ง ไม่มีทางทำให้คุณรวยขึ้นได้ แต่การเอาเงินเก็บนั้นไปลงทุนต่างหากที่จะทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้น 

การลงทุนสามารถทำได้หลากหลายทาง แล้วแต่ Lifestyle ของแต่ละคนจริงๆ ถ้าชอบเสี่ยงมาก ได้เงินก้อนโต ก็ต้องดูตลาดหุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์ หรือถ้าไม่ชอบความเสี่ยงมาก ได้เงินแค่พอประมาณก็โอเค ก็ยังมีตระกูลกองทุนต่างๆ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีประกันแบบออมทรัพย์ ที่การันตีเงินปันผลให้คุณได้ทุกปี และยังสามารถเอาไปหักภาษีได้อีกต่อนึงด้วยนะครับ



3. หลีกเลี่ยงหนี้สิน ที่ไม่สร้างรายได้
ข้อนี้เป็นข้อที่โดนคนส่วนใหญ่มากที่สุด ถ้าคุณกู้เงิน มีหนี้สิน เพราะต้องเอาไปลงทุนเพื่อสร้างรายได้ที่มากขึ้น อันนี้ถือว่าเป็นหนี้สินที่รับได้ แต่ถ้าคุณไปกู้เงิน เป็นหนี้มากมาย เพราะเอาเงินไปซื้อคอนโด ซื้อบ้านหลังที่ 2 ซื้อของแฟชั่นฟุ่มเฟือยเกินตัว หรือซื้อรถยนต์ราคาแพงเกินความจำเป็น ทั้งหมดนี้เป็นเปลือกนอกที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกภูมิใจจากสายตาคนรอบข้าง แต่มันไม่ได้สร้างรายได้ให้คุณเลยแม้แต่บาทเดียว แถมคุณยังต้องเสียดอกเบี้ยจำนวนมหาศาล

คำนวนง่ายๆ คุณจะซื้อคอนโดราคา 7 ล้านบาท ถ้าคุณวางแผนผ่อนเกิน 20 ปี ดอกเบี้ยของคุณจะกลายเป็น 100% ของราคาที่คุณซื้อทันที ดังนั้นในกรณีนี้ ราคาคอนโดของคุณจะกลายเป็น 14 ล้านบาท ในกรณีที่ไม่ได้มีการเอาเงินไปโปะเลย เมื่อถึงเวลานั้น ราคาซื้อขายยังไงก็ไม่มีทางถึง 14 ล้านบาท เรียกว่าขาดทุนตั้งแต่เซ็นชื่อแล้ว 

เคล็ดลับของเศรษฐีหรือผู้ประสบความสำเร็จก็คือ ยอมเป็นหนี้ได้ ถ้ามั่นใจว่าหนี้นั้นจะสามารถสร้างรายได้ก้อนใหญ่กว่าในอนาคต


4. รู้จักหวะการลงทุนที่เหมาะสมกับรายได้
การลงทุนเพิ่มรายได้ ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ แต่ให้เลือกลักษณะธุรกิจที่จะลงทุนให้เหมาะสมกับเงินเก็บบวกกับรายได้ที่มี รอจนกระทั่งมีเงินเก็บมากพอที่จะหันไปลงทุนในธุรกิจบางอย่างได้ เช่น มีเงินมากพอจะซื้อของมาขายใน Internet ก็เข้าท่า หรือจะเอาเงินเก็บนั้นไปโปรโมตสำหรับงาน Freelance ของคุณ เมื่อถึงวันที่คุณมีเงินเก็บมากขึ้น ก็นำเงินเก็บนั้นไปลงทุนในธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น

เคล็ดลับคือ อย่าดันทุรังลงทุนแบบเกินตัว คุณอาจจะคิดว่าถอนเงินหมดบัญชีไปลงทุนก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไงก็ยังมีเงินเดือนอยู่ แต่ลองคิดว่าถ้าเดือนนั้นญาติผู้ใหญ่เกิดป่วยขึ้นมา ต้องใช้เงินหลายแสนในการรักษา แล้วตอนนั้นคุณจะทำยังไง? จำไว้ว่าในชีวิตจริง ไม่ได้ราบรื่นแบบที่คุณเคยวาดฝันไว้แน่นอนครับ


5. ตั้งเป้าหมายชีวิตระยะยาว กลาง ถึงสั้น
เหมือนกับการทำงานหรือทำธุรกิจ เราอยากแนะนำให้คุณตั้ง KPI หรือเป้าหมายของตัวเอง โดยตั้งการตั้งเป้าหมายให้มีความเป็นไปได้ แต่ก็ยังมีความ Challenge อยู่ โดยแบ่งเป็นการตั้งเป้าหมายทั้งระยะปี ระยะเดือน และระยะสัปดาห์ จะได้ผลดีที่สุด

การตั้งเป้าหมายของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆมากมาย เช่นพื้นฐานนิสัย สังคม รายได้ ครอบครัวและอื่นๆอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณคำนวนรายได้แล้ว ตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะต้องมีเงินในธนาคารเท่าไหร่ โดยที่ในแต่ละเดือน จะใช้เงินเท่าไหร่ เก็บเท่าไหร่ จากนั้นจึงลงมาที่วัน ว่าจะใช้เงินรายวันได้เท่าไหร่ โดยคุณอาจจะระบุว่า ในแต่ละเดือนจะปาร์ตี้หนักกี่ครั้ง จะ shopping กี่ครั้งใน 1 เดือน เพื่อทำให้เป้าหมายในชีวิตไม่เครียดเกินไป

ที่เราอยากแนะนำเป็นสิ่งสุดท้ายคือความมีระเบียบครับ ต่อให้คุณอ่านวิธีเก็บเงิน ทำเงิน บริหารการเงินมามากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตามอย่างจริงจัง ก็คงจะยากที่จะเห็นผลสำเร็จแน่นอนครับ 

Cr. - www.unlockmen.com
      - Pantip.com

ภาพจาก Google

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com


กลุ่มรับเหมาฯ บวกยกแผง กูรูชี้ธุรกิจสดใสต่อเนื่อง จ่อคิวกินงานประมูลเพียบ!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ณ เวลา 11.43 น.อยู่ที่ 8.00 บาท บวก 0.10 หรือ 1.27% มูลค่าการซื้อขาย 210.81 ล้านบาท


ราคาหุ้น บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ณ เวลา 11.43 น.อยู่ที่ 14.60 บาท บวก 0.20 หรือ 1.39% มูลค่าการซื้อขาย 12.29 ล้านบาท


ราคาหุ้น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ณ เวลา 11.43 น.อยู่ที่ 21.70 บาท บวก 0.10 หรือ 1.39% มูลค่าการซื้อขาย 21.83 ล้านบาท


บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (9 เม.ย.) ว่า แม้การประมูลงานภาครัฐจะชะลอไปในครึ่งแรกของปีนี้ แต่การเซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต/คูคต) ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่ามีแนวโน้มสูงที่จะได้เห็นการประมูลโครงการโครงสร้าง พื้นฐานของรัฐบาลเกิดขึ้นอีกในครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ แผนที่ชัดเจนในการสร้างรถไฟความเร็วสูง น่าจะช่วยให้ภาพระยะยาวของกลุ่มรับเหมาให้ยังมีความแข็งแกร่ง ด้วยแนวโน้มที่สดใสต่อเนื่อง

ขณะที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (MRTA) เซ็นสัญญาสี่สัญญามูลค่ารวม 2.7786 หมื่นล้านบาท โดย ITD ในสัญญาแรกมีมูลค่า 1.52 หมื่นล้านบาท และ UNIQ ในสัญญาที่สองซึ่งมีมูลค่า 6.6 พันล้านบาท และ STEC ในสัญญาที่สามและสี่มูลค่า 4.0 พันล้านบาท และ 2.8 พันล้านบาทตามลำดับ ซึ่งงานก่อสร้างทั้งหมดน่าจะเริ่มภายในเดือนมิถุนายน 2558 และคาดว่าจะเสร็จภายในปี 2563

อีกทั้งคาดว่าจะมีงานก่อสร้างเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ โดยประเมินจะมีการประมูลโครงการรถไฟทางคู่สามเส้นทางโดยมีความกว้างของราง ขนาดมาตรฐานที่ 1 เมตร ในเส้นทาง ฉะเชิงเทรา/คลอง 19/แก่งคอย จิระ/ขอนแก่น และ ประจวบคีรีขันธ์/ชุมพร ซึ่งเส้นทางเหล่านี้ผ่านกระบวนการ EIA และการออกพรก. เวนคืนที่ดินไปแล้ว ในขณะเดียวกัน การประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มก็มีกำหนดในไตรมาสที่ 2/58 ซึ่งเลื่อนมาจากไตรมาสที่ 1/58 ในขณะที่เราคาดว่าการประมูลโครงการ MRTA สายสีชมพูจะเกิดขึ้นเร็วสุดในไตรมาสที่ 4/58

พร้อมทั้ง แผนการพัฒนาโครงการระบบขนส่งสินค้าเพื่อเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน สามารถแบ่งออกได้เป็นสองส่วน i) โครงการรถไฟความเร็วสูงสายสั้น (160-180 กม./ชั่วโมง) สองสายทาง a) หนองคาย/โคราช/แก่งคอย/กรุงเทพฯ ด้วยความสนับสนุนจากรัฐบาลจีน และ b) พม่าถึงตาก /มุกดาหาร ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ii) รถไฟความเร็วสูง (เกิน 180 กม./ชม.) ซึ่งมีแนวโน้มได้รับการสนับสนุนจากเครือ CP และ Thai Beverage ซึ่งผ่านสองเส้นทางคือ ก) กรุงเทพ/พัทยา และ ข) กรุงเทพ/หัวหิน

แม้จะคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะรวมโครงการเหล่านี้เข้าไว้ในประมาณการ เนื่องจากต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกสามปีเพื่อของอนุมัติ EIA และออกแบบรายละเอียดของโครงการ แต่ความสนับสนุนจากภาครัฐก็น่าจะช่วยให้ได้เห็นรถไฟความเร็วสูงสายแรก (กรุงเทพ/แก่งคอย/มาบตาพุด) เริ่มก่อสร้างในเดือนตุลาคมปีนี้ ในขณะที่ส่วนที่เหลือคือ แก่งคอย/โคราช/หนองคาย น่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาสที่ 1/59 และเสร็จในไตรมาสที่ 1/62

 ขอบคุณบทความจาก :: http://www.kaohoon.com/online/content/view/6487/
หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

Ads Inside Post