วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แบ่งปันสูตรเล่นหุ้นหาค่ากับข้าว


สำหรับเม่ามือใหม่มักน้อย




เชื่อหรือไม่ว่า มีนักลงทุนมือใหม่จำนวนไม่น้อย ที่เริ่มต้นลงทุนด้วยเป้าหมายที่ดูแล้วแสนจะเจียมตั๊ว…เจียมตัวเป็นที่สุด นั่นก็คือหวังกำไรเล็กๆน้อยๆ รายวัน หรือรายสัปดาห์ แต่แอบหวังว่าตัวเองจะสามารถทำกำไรแบบกรุบกริบแต่สม่ำเสมอจากการลงทุนรายวันหรือรายสัปดาห์ ถึงขนาดที่นำมาเป็นรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เคียงบ่าเคียงไหล่กับเงินเดือนได้ จนบางคนถึงขนาดคิดฝันไปว่า จะสามารถทำกำไรได้ในอัตราที่พอใจนี้ไปเรื่อยๆ และสามารถลาออกจากงานประจำมาเล่นหุ้นเป็นอาชีพได้เลยก็ตาม ไม่เชื่อลองไปถามโบรกเกอร์ดูว่า บ่อยแค่ไหน ที่โดนนักลงทุนมือใหม่ขอร้องแกมบังคับ ให้ช่วยแนะนำหุ้นตัวไหนก็ได้ ที่สามารถทำกำไรได้สักสองสามช่องในแต่ละวันก็พอใจแล้ว คนที่มีทุนแสนก็อาจจะหวังวันละสองสามพันบาท คนที่มีทุนล้านก็หวังวันละสองสามหมื่นบาท และคนที่มีทุนสิบล้านก็หวังวันละสองสามแสนบาท

โดยมากคนที่โดนถามแบบนี้ มักจะอมยิ้มแล้วส่ายหน้า เพราะการซี้ซั้วแนะนำให้คนอื่นซื้อหุ้นโดยที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไรนั้น ถือเป็นเรื่องต้องห้าม ถ้าแนะนำไปแล้วเขาได้กำไร เราก็เสมอตัว ไม่ได้ส่วนแบ่งอะไร อย่างมากเขาก็อาจจะหิ้วขนมครกมาฝากสักถุงหนึ่งเป็นการแสดงความขอบคุณ แต่ถ้าแนะนำไปแล้ว เขาเกิดขาดทุน ก็จะโดนเขาด่า บ้างก็เลิกคบ ไอ้ที่ยังทนคบกันต่อ ก็มองหน้าไม่ค่อยติด ที่กล้ายืนยันเพราะโดนมาบ่อย ถึงจะไม่ได้เป็นโบรกเกอร์ก็ตามที



พวกนักลงทุนรายใหญ่ที่มีเงินหน้าตักเยอะๆ กับพวกที่ชอบลงทุนแบบ value investor จะดูถูกดูแคลนการลงทุนแบบหยุมหยิมประเภทนี้ เพราะมองว่า ไม่ค่อยเป็นสาระ การซื้อขายบ่อยเกินไปทำให้เสียกำไรจำนวนมากไปกับค่าคอมมิชชั่น และหากเจอช่วงที่หุ้นเป็นขาลง ทำให้ขาดทุนกันระนาว แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า การลงทุนแบบมักน้อย โดยหวังกำไรแค่ค่ากับข้าวนี้ จะเป็นไปไม่ได้ แต่มีข้อแม้คือ ผู้ที่เลือกลงทุนแบบนี้ จะต้องมีวินัยในการลงทุนอย่างมาก มีกฏกติกาที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนอย่างชัดเจน และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการตั้งกฏคือการปฏิบัติตามกฏกติกาอย่างเคร่งครัด เมื่อกำไรถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ขาย ไม่โลภมากหวังว่าราคาจะพุ่งขึ้นไปต่อ และในทางกลับกัน เมื่อราคาหุ้นเกิดร่วงลงมาจนเราขาดทุน ก็ต้องคัดลอส หรือขายตัดขาดทุนในจุดที่เราตั้งเกณฑ์ไว้ทันที ไม่มัวแต่หวังน้ำบ่อหน้า หรือมัวแต่ตกใจที่ราคาหุ้นร่วง จนถึงกับมือไม้สั่นเคาะขายไม่ทัน จำใส่ใจเอาไว้ว่า ไม่ควรเล่นหุ้นปั่น หรือหุ้นที่ไม่มีพื้นฐาน หุ้นที่บริษัทเจ๊ง งบเน่า แต่ราคาหุ้นวิ่งเพราะมีการปั่นราคา เพราะหุ้นพวกนี้ ไม่ได้ขึ้นลงตามปัจจัยที่แท้จริงของตลาด แต่ราคาเปลี่ยนแปลงเพราะมีเจ้ามือมาปั่นหุ้นเป็นหลัก แม้บางคนจะเถียงว่า หุ้นบ้านเราตัวไหนๆ มันก็ปั่นทั้งนั้นแหละ แต่เราก็ควรเลือกหุ้นที่ปลอดภัยที่สุด

ณ จุดนี้ นักลงทุนมือใหม่หลายคนคงสงสัยว่า หุ้นปั่นคืออะไร เขาปั่นหุ้นกันอย่างไร หุ้นปั่นนี่อร่อยและเมาเหมือนเหล้าปั่นไหม ผู้เขียนขอคุยถึงประเด็นนี้ในคราวหลัง ตอนนี้เอาแค่เลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีเป็นหลักชัยไว้ก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงขั้นต้น

สิ่งที่ต้องพึงสังวรณ์เสมอคือ การเล่นหุ้นได้กำไรมาเป็นค่ากับข้าวรายวัน ไม่ได้อาศัยความเก่งอะไรมากมายในตัวนักลงทุน แต่เหตุผลที่เราทำกำไรได้ง่าย เพราะตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น เวลาที่ตลาดเป็นขาลง ไม่แนะนำให้เล่นหุ้นในลักษณะนี้ เพราะโอกาสขาดทุนสูงมาก

เมื่อศึกษาทิศทางและแนวโน้มของตลาด หรือ่านจากบทวิเคราะห์ต่างๆ จนเข้าใจได้ว่า ช่วงใดที่ตลาดเป็นขาขึ้น เมื่อนั้นก็จงเลือกหุ้นที่น่าสนใจ บางคนอาจเลือกตามนักวิเคราะห์ แต่ผู้เขียนแนะนำให้เลือกจากการวิเคราะห์เอง บวกกับการสอดส่ายสายตามองหาหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่ม most active value และ กลุ่ม most active volume การเลือกเล่นหุ้นกลุ่มนี้ก็เพื่อให้รับประกันความเสี่ยงว่า มีผู้สนใจที่จะซื้อขายหุ้นตัวเดียวกับเราในจำนวนมาก ถ้าเราอยากซื้อก็น่าจะมีคนขาย และถ้าเราอยากขาย ก็น่าจะมีคนซื้อ ไม่มีทางถูกทอดทิ้งกักขังให้อยู่คนเดียวเปลี่ยวใจอยู่บนดอย หรืออยู่ในหุบเหวที่ลึกจนร้องไห้ดังแค่ไหน ก็ไม่มีคนได้ยิน

การเก็งกำไรระยะสั้น ในวงเงินไม่สูงมาก หวังกำไรไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้หมายถึงการเล่นเดย์เทรด (ซื้อมาขายไปในวันเดียวกัน) อาจจะมีการถือหุ้นไว้ในพอร์ตเป็นระยะสั้นๆ แต่โดยมากอาจทนถือไว้ไม่ได้นานเกิน 1 สัปดาห์…หากอยากขายเพราะมีกำไรแล้ว หรือขี้เกียจถือต่อ ก็ไม่ว่ากัน แต่นั่นหมายถึงเราต้องมีเงินสดไว้จ่ายค่าหุ้นที่เราซื้อใส่ถุงกลับบ้านด้วย ไม่งั้นอาจเสียโอกาสทำกำไร เพราะหุ้นบางตัวก็ไม่ได้ซื้อปุ๊บแล้วขึ้นปั๊บให้เราขายในวันเดียว ประเภทอร่อยจังตังค์อยู่ครบนั้นยากมากต่อให้เก่งแค่ไหน แม้ตลาดเป็นขาขึ้นก็ตาม

กฏกติกาง่ายๆ ที่รวบรวมมาฝากกันสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ทดลองเล่นหุ้นแบบหาค่ากับข้าว และหาความรู้เพื่อรอวันเป็นนักลงทุนมืออาชีพหรือนักลงทุนรายใหญ่ในวันหน้า ก็มีดังนี้

1. ศึกษาหุ้นแต่ละตัวที่สนใจซื้อโดยละเอียด ดูกราฟเทคนิค อ่านข่าวและข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับหุ้นให้เข้าใจและสามารถวิเคราะห์ทิศทางความเป็นไปได้ด้วยตัวเอง ควรเป็นบริษัทที่เรารู้ว่าเขาทำธุรกิจอะไร ใครเป็นผู้บริหาร ภาพรวมของธุรกิจเป็นอย่างไร ในอนาคตจะมีโอกาสเติบโตจากปัจจัยใดบ้าง มีความเสี่ยงอะไรบ้าง ดูงบแล้วบริษัทมีอนาคตหรือไม่ กำลังจะมีข่าวดีจากทิศทางใดได้บ้าง เช่น อยู่ในช่วงใกล้ประกาศงบ อาจมีปันผลสูงมาก หรือมีบริษัทใหญ่ๆ จะมาร่วมทุน ช่วยโอบอุ้มกิจการ เพิ่มสภาพคล่อง เพิ่มศักยภาพในการทำกำไร ฯลฯ

2. การเก็งกำไรระยะสั้น สำหรับหุ้นตัวเล็ก ให้สังเกตดูหุ้นตัวที่มีการเข้าซื้อสะสมจำนวนมาก พร้อมกับทยอยไล่ราคาที่อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นการสะสมของรายใหญ่เพื่อรอขายแพง หุ้นพวกนี้จะมีการซื้อสะสมในปริมาณมากบ้างน้อยบ้างและมีราคาสูงขึ้นทีละนิดทีละหน่อยหลายวันล่วงหน้าก่อนที่จะเปิดเล่นรอบซื้อขายกันในปริมาณมาก ช่วงที่นักลงทุนรายใหญ่ (ซึ่งอาจจะเป็นเจ้าของบริษัทและพวกพ้อง) หรือเรียกกันสนุกๆ ว่า ‘เจ้ามือ’ มาสะสมหุ้นนั้นมักเป็นไปอย่างเงียบเชียบทีละเล็กทีละน้อย โดยดูแลอย่างดีไม่ให้มีข่าวหลุดรอดออกมา ไม่เช่นนั้นรายย่อย หรือรายใหญ่คนอื่นๆอาจจะฉวยโอกาสเข้ามาทำให้เสียจังหวะในการเก็บหุ้น

3. การเก็งกำไรระยะสั้นแบบหาค่ากับข้าว เป็นการเล่นตามน้ำ ไม่ใช่การเล่นสวนตลาด ต้องเล่นหุ้นเกาะกระแสตลาด โดยเฉพาะตลาดขาขึ้นเป็นหลัก ขาลงไม่แนะนำ หลักการคือต้องซื้อหุ้นดีตอนที่ราคาต่ำและ Volume สูงเท่านั้น เช่นตอนตลาดเปิด ถ้ามีหุ้นตัวไหนที่เราติดตาม มีปริมาณการซื้อมากผิดปกติที่ราคาใดราคาหนึ่ง เป็นไปได้มากว่า หุ้นตัวนั้นกำลังอยู่ในช่วงสะสมหุ้นเพื่อไล่ราคา เราอาจซื้อตามได้ พูดง่ายๆ ก็คือ ซื้อราคาเดียวกับเจ้ามือ แต่อย่าไล่ตามซื้อหุ้นที่ราคาขึ้นพรวดพราดแต่ไม่มี Volume เด็ดขาด เพราะนั่นคือการไล่ราคา และเราอาจจะกลายเป็นคนที่ซื้อแพงเกินไป

4. ตั้งเป้ากำไรให้ชัดเจน และตั้งจุดขายเพื่อตัดขาดทุนให้ชัดเจน โดยเป้ากำไรของการเล่นแบบนี้ แนะนำว่า ขึ้นไปสักสี่ช่องก็สามารถทำกำไรได้ อย่าหวังว่าจะไปขายแพงเท่าเจ้ามือ หรือดักกินรายใหญ่ ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับแมงเม่า เพราะคนที่เขามาซื้อขายไล่ราคาหุ้นนั้นไม่ได้มาทำการกุศล เขามาเพื่อหวังทำกำไรด้วยการซื้อหุ้นถูกๆเอาไว้จำนวนมาก จากนั้นก็ทำเป็นซื้อๆขายๆไล่ราคาให้สูงขึ้นเพื่อให้แมงเม่าสนใจไล่ซื้อตาม พอราคาถูกไล่ขึ้นไปสูงแล้ว เขาก็ทยอยขายแพง ออกมาให้แมงเม่ารับเอาไว้ ส่วนเรานั้นเป็นแค่คนที่เกาะกินเศษสตางค์เจ้ามือ ต้องรีบออกก่อนที่เจ้ามือเขาจะทิ้งหุ้น อย่าอาจหาญที่จะบี้เจ้ามือเด็ดขาด ย้ำว่าเมื่อถึงเป้ากำไรก็ควรขายอย่าโลภ ยกเว้นว่ามันขึ้นพรวดพราดเกินเป้าจนขายไม่ทันก็ถือเป็นบุญที่จะได้ขายแพงยิ่งขึ้น และถ้าลงมาแค่สองช่องก็น่าจะคัตลอสไปก่อน เพราะเราถ้าไม่ได้หวังกำไรมากมาย ก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมากจนยอมลงเหวร่วมเป็นร่วมตายไปกับหุ้นตัวนั้นๆ

5. การเก็งกำไรระยะสั้นหรือเดย์เทรด ถ้าเกิดมีทีท่าว่าจะขาดทุน แนะนำให้คัตลอส ไม่ควรซื้อเพิ่มเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนโดยเด็ดขาด

6. เหตุผลที่คนมักสูญเสียกำไรที่ได้มาไปอย่างน่าเสียดาย และคนที่ขาดทุนแล้วก็มีโอกาสจะขาดทุนต่อไปอีก เกิดจากการที่มีความรู้สึกผูกพันยึดติดกับหุ้น คล้ายกับว่าเป็นสิ่งที่เราต้องพยายามเอาชนะมันให้ได้ เมื่อชนะครั้งหนึ่งแล้วก็อยากชนะอีกเพราะโลภไม่รู้จักพอ หรือเมื่อแพ้ไปแล้วก็อยากแก้แค้นหุ้นตัวที่ทำให้เราเสียเงิน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ความรู้สึกแบบนี้เป็นเพราะมนุษย์เราทุกคนมีสัญชาตญาณการแข่งขันอยู่ในตัวเองบวกกับความโลภ ซึ่งสัญชาตญาณการแข่งขันนั้นก็ไม่ใช่ความผิดอะไร แต่สำหรับการเล่นหุ้น ควรระมัดระวังความเสียหายจากสัญชาตญาณนี้ จึงขอแนะนำว่า ถ้ามีการขายหุ้นออกไปแล้ว ไม่ว่ากำไรหรือขาดทุน อย่าซื้อหุ้นตัวเดิมอีกในวันเดียวกัน ติดตามดูต่อได้ แต่ถ้าจะซื้อจะขายอีกที ขอให้เป็นวันต่อไป เพราะเราเล่นแค่หาค่ากับข้าว ถ้าได้แล้วก็ควรหยุดก่อนเพื่อรักษาวินัยในการลงทุน

7. ย้ำอีกทีว่า ถ้าไม่ได้ต้องการลงทุนแบบระยะยาว นักเก็งกำไรระยะสั้นหรือเดย์เทรดหาค่ากับข้าว ควรเล่นเกาะกระแสตลาดขาขึ้นเท่านั้น อย่าซื้อในวันที่ทุกคนพากันขายหรือมีข่าวร้ายจนตลาดแดงเถือกเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นคุณจะนอนไม่หลับกินข้าวไม่ลง เสียสุขภาพ กำไรที่ได้อาจไม่คุ้มค่ายาแก้ปวดหัว

8. ท่องเอาไว้ว่า กำไรน้อย ดีกว่าขาดทุน ยอมขายหมูได้กำไรนิดหน่อย ดีกว่าเป็นแมงเม่าบินเข้าไปตายในกองไฟ

กฎกติกาง่ายๆ นี้ หากปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดก็จะทำหน้าที่เป็นยันต์กันขาดทุนสำหรับนักลงทุนมือใหม่ได้เป็นอย่างดี ส่วนโอกาสในการทำกำไรนั้นอยู่ที่การเลือกหุ้นและทิศทางของตลาด อย่างที่บรรดาเซียนหุ้นเขาว่ากันนั่นแหละว่า ถ้าตลาดดี ต่อให้ปิดตาจิ้มหุ้นตัวไหนก็ยังมีโอกาสทำกำไร แต่ถ้าตลาดเป็นขาลง แม้แต่หุ้นเทวดาก็ยังทำให้ขาดทุนได้…ขอให้ทุกท่านโชคดี ลงทุนอย่างมีสติ และตัดสินใจอย่างรอบคอบบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องเสมอ
ขอขอบคุณเนื้อหาดีๆจาก
www.dooqo.com

http://pantip.com/topic/30400088
ผู้เขียน : Baby Bull หนูกระทิง


*************************************************************************


หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ถามผู้มีประสบการณ์ “ทำอย่างไรในวันที่หุ้นตก”



ถ้าใครได้มาคลุกคลีกับวงการตลาดหุ้นแล้ว ย่อมต้องเคยตกอยู่ในสภาพหุ้นตก ขาดทุนทำอย่างไรดี  ถ้าย้อนกลับไปดูตั้งแต่สมัยตลาดเปิดจนถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยเจอเหตุการณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหตุเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจและราคาน้ำมันโลก การลดค่าเงินบาททรัสต์ล้ม เหตุการณ์ BLACKMONDAY ที่ตลาดหุ้นสหรัฐลดลงเหลือเพียง 22.6 จุด สงครามอ่าว พฤษภาทมิฬ วิกฤตเสี่ยสอง วิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ วิกฤตการเงินกรีซ ลดค่าเงินบาท ความกังวล QE จนถึงปัจจุบัน  เราผ่านมาแล้วหลายวิกฤตเลยทีเดียว ในทุกวิกฤตนั้นมีทั้งคนที่พ่ายแพ้ต่อความโหตร้ายของตลาดหุ้น และผู้ที่ชนะตลาด ชนะใจตนเอง มีสติ มีการวางแผนที่ดีจะสามารถผ่านมรสุมนั้นมาได้

ทีมงาน UNLOCKMEN เห็นว่าช่วงนี้ตลาดหุ้นของเรามันช่างผันผวนปวนแปรนัก เดี่ยวขึ้น เดี่ยวลง ไม่ว่าจะเป็นจากปัจจัยภายนอกประเทศ หรือปัจจัยภายในประเทศก็ตาม เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักลงทุนในตลาดหุ้นไม่ว่ามือใหม่ หรือมือเก่าให้ผ่านพ้นทุกวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ เราจึงไปสอบถามคนเก่งๆที่มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นมาแชร์ประสบการณ์การลงทุน โดยคำถามมีอยู่ว่า

“ทำอย่างไร ในวันที่หุ้นตก”
ตอบโดย อาจารย์แมน อัครพงศ์ ขวงธนะชัย เจ้าของเพจ  STOCKMANDAY
stock2
“ในช่วงที่หุ้นตกไม่มีนักลงทุนคนไหนไม่ได้รับผลกระทบ และที่จะโดนหนักที่สุดก็น่าจะเป็นมือใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ รายที่โดนหนักๆ ก็คงหนีไม่พ้นอยู่ในกลุ่มที่เล่นหุ้นซิ่งวิ่งเร็วแต่ทิ้งแรง พอตลาดโดยรวมลงหุ้นพวกนี้จะทิ้งพรวดลงซัก 2-3 วัน ก็ร้องกันโอดโอยแล้ว คำแนะนำสำหรับกลุ่มนี้ คือ “วันหลังอย่าทำ” เอาไว้รอให้มีประสบการณ์และเรียนรู้ที่จะ cutloss เป็นค่อยกลับมาเล่นครับ อีกกลุ่มนึงที่มักจะเสียหายตอนหุ้นตกคือ “กลุ่มที่ชอบซื้อสวน” เพราะไม่รู้ว่าราคาถูกแล้วยังมีถูกกว่า ดังนั้นคำแนะนำคือ อยู่นิ่งๆและรอให้ลงมาถึงแนวรับที่วางแผนไว้เท่านั้น ถ้าจะเปรียบง่ายๆก็คงเหมือนช่วงเวลาที่ไฟดับ มีแต่เด็กเท่านั้นที่วิ่งพล่านเตะโน่นชนนี่ ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนมักจะอยู่นิ่งๆและค่อยๆแก้ไขไปทีละสเตป….”

ตอบโดย คุณพีร์ บุญชนะวิวัฒน์ เจ้าของเพจ   Wizard Kid
stock7
“ส่วนตัวจะไม่นิ่งเฉย เพราะหุ้นตก คือ “โอกาสทอง” ที่จะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นที่อยู่ใน Watchlist ที่สนใจ โดยเฉพาะหุ้นพื้นฐานดี สตอรี่เด่น งบโตต่อเนื่อง หุ้นแบบนี้เวลาที่ตกแรงๆ ต้องเฝ้าหาจังหวะเข้าซื้อเท่านั้น…แต่ก่อนจะซื้อขายหุ้นในภาวะหุ้นตก เราต้องตอบให้ได้ก่อนว่า ราคาหุ้นหรือตลาดหุ้นภาพรวมที่มันลง คือการลงเพราะมวลชนตกใจ (panic) หรือเพราะตัวเลขเศรษฐกิจย่ำแย่ (crisis) ..ถ้าเป็นการลงแบบ panic นี่ ยังไงก็ต้องรีบหาจังหวะซื้อแน่นอน เพราะมันเป็นการลงแบบเว่อร์เกินเหตุ สุดท้ายราคามักจะดีดกลับไปเท่าหรือเหนือกว่าจุดที่ทิ้งดิ่งลงมาเสมอ…แต่ถ้าเป็นการลงแบบ crisis แนะนำ “ถือเงินสด” เท่านั้น ไม่ต้องรีบ เพราะระยะเวลาการลงมักจะยาวนาน…  ช่วงที่ตลาดหุ้นตกทั้งสองแบบ สิ่งที่ชอบทำมากๆ คือ ทำการบ้านหุ้นที่ชอบ หาหุ้นที่คิดว่าจะทำให้พอร์ทลงทุนโตได้ดี อ่านหนังสือเยอะๆ อย่าเครียดกับราคาหุ้นที่ผันผวนมากเกินไป ต้องออกกำลังหรือทำอะไรก็ได้ให้สุขภาพกายและใจเราพร้อมเสมอ.. อย่าลืมว่า…สุขภาพพอร์ทลงทุนไม่มีทางจะดีได้ ถ้าสุขภาพกายและใจเราไม่ดีพอ”..

ตอบโดย คุณปุย ประกาศิต ทิตาราม เจ้าของเพจ   My Wave Riders Page
stock8
“กรณีสภาวะวิกฤติที่เกิดเป็นข่าวร้าย แบบฉับพลันทันที มวลชนส่วนใหญ่ตกใจ และมีความกังวลราคาหุ้น ส่วนมากจะถดถอยลง รวดเร็วและรุนแรง จากการตกใจขาย ตอบรับกับข่าวร้ายทันที ในกรณีแบบนี้ สิ่งที่นักลงทุนเองจะต้องทำ คือ การมีสติ คิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบ อาจจะต้องดูสภาพโดยรวมของตลาดด้วยว่าเป็นอย่างไร เป็นขาขึ้น หรือขาลง หรือยังไม่ทิศทางชัดเจน ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เตรียมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดตามมา หากสภาพตลาดเป็นขาขึ้นอยู่ การตกใจแบบนั้นจะส่งผลระยะสั้น ลงเร็วรุนแรง และจะเด้งกลับอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในหุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เลย ราคาอาจลงน้อยมาก แต่ถ้าสภาพตลาดเป็นขาลงอยู่แล้ว หรือไม่ชัดเจนรอการตัดสินใจ ข่าวร้ายแบบนี้จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเทขายอย่างรุนแรง ลงลึก หรือเปิดกระโดดที่แนวรับถัดลงไปเลยก็ได้ แล้วเด้งกลับขึ้นมาจากแรงซื้อบางส่วน ซึ่งจะเด้งไม่แรงนัก และพร้อมจะลงต่อได้ด้วย”

ตอบโดย คุณต้าร์ กวิน สุวรรณตระกูล เจ้าของเพจ   Tar Kawin Suwantragul
stock1
“ปกติพี่ต้าร์จะใช้วิธีการซื้อรายเดือนอยู่แล้ว ก็ต้องรักษาวินัยให้ดี มองในแง่บวกก็คือ หุ้นตกก็ได้หุ้นถูกไง ไม่ดีหรอ!! ดีจะตาย ตกมันซัก 2 ปีเลย เงินเดือนออกจะได้ซื้อทุกเดือน ถ้าจิตตกมากๆก็ใช้กลยุทธ์ปิดหน้าจอไปเลยแล้วไปหาอะไรหวานๆกินให้ชื่นใจดีกว่า ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนโดยไม่เคยเจอหุ้นตกหรอก…”

ตอบโดย คุณรัน  นิรันดร์ ประวิทย์ธนา เจ้าของ Application  MARKET ANYWARE
stock9
“ถ้าเป็นหุ้นพื้นฐานผมก็จะพยายามถามย้ำตัวเองหน้ากระจกว่า อนาคตมันยังโอเคใช่มั้ย ถ้าคำตอบคือใช่ผมก็ทยอยซื้อเพิ่มตามแนวรับ fibo ส่วนถ้าเป็นหุ้นที่ผมเล่นตามสัญญาณเทคนิค ตอนหุ้นตกกับตอนหุ้นไม่ตก จริงผมทำเหมือนๆ กัน คือออกตามจุด stop ที่ตั้งไว้แต่ต้น แต่ตอนหุ้นตกจะต้องหูไวตาไวหน่อย เพราะผมชอบเทรดสวนแบบสั้นๆ ในหุ้นที่มีสัญญาณกลับตัว คือเทรนด์มันมักจะไม่เปลี่ยนทันที แต่มันจะมีเด้งสวนสั้นๆ บ้าง พยายามจับจังหวะตรงนั้น เทรด DW หรือ Options บ้างนิดหน่อย แก้เซ็ง”

ตอบโดย คุณป๊อป นิติพงษ์ หิรัญพงษ์เจ้าของเพจ  โค้ชพี่ป๊อบ 
stock10
“หุ้นตก จิตเราต้องไม่ตกครับ คนส่วนใหญ่กำลังกลัว แต่ไม่ได้แปลว่าเราต้องกล้านะ แต่สิ่งต้องทำคือ ตั้งสติให้มั่น แล้วทบทวน ว่าหุ้นที่เรามีเราซื้อเพราะอะไร พื้นฐาน หรือเทคนิค ถ้าซื้อเพราะพื้นฐาน ก็ไม่เห็นต้องกังวล ถ้าพื้นฐานไม่ได้ตกต่ำตามราคาไป บริษัทยังเติบโต ปันผลยังมี จะห่วงอะไร แต่ถ้าซื้อเพราะเทคนิค ตกจนหลุดแนวรับก็ต้องโยนไปก่อน ตั้งสติ แล้วตอบตัวเองดีๆ แต่ถ้ามันตกต่อเนื่องยาวนาน ตลาดยังมีสินค้าที่เราสามารถเล่นได้ทั้งขาขึ้น และลง ใช้เวลาศึกษา ทำความเข้าใจให้ดี แล้วค่อยลุย ไม่ใช่ลุยมั่วๆ ไป แบบนี้จะแย่หนัก ระลึกไว้ครับ สินค้าที่รู้จัก เครื่องมือที่เข้าใจ และวินัยที่แข็งแกร่ง คือการเทรดที่พอดีตัว และมีความสุขครับ”

ตอบโดย คุณเป๊ก ปุณยวีร์ จันทรขจร เจ้าของเพจ  Japan NEED
stock5
“ในภาวะตลาดหุ้นขาลง เชื่อว่าใครหลายๆคนที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นมาในปีนี้ คงหนาวๆร้อนๆไปพอๆกัน เเต่อย่าลืมว่าในทุกวิกฤตนั้น สามารถสร้างเศรษฐีใหม่ได้เสมอ นับตั้งเเต่วิกฤตเเฮมเบอเกอร์ จนมาถึงวิกฤตยุโรป ตลาดหุ้นไทยก็สามารถกลับมายืนได้อย่างเข้มเเข็งทุกรอบ ใช่ครับ ! ทุกอย่างเป็น cycle มีลงก็ต้องมีขึ้น ช่วงนี้เป็นโอกาสดีซะอีกที่จะได้มีเวลาดูงบกิจการบริษัทเพื่อหาสุดยอดหุ้นที่จะข่วยให้เราเป็นเศรษฐีใหม่ได้อีกคน “รอ”อย่างมีสติครับ เเละถ้าผ่านรอบนี้ไปได้ รับรองว่า “รวย” !!”

ตอบโดย คุณโป้ง อธิป กีรติพิชญ์ เจ้าของเพจ  นิ้วโป้ง Fundamental VI
stock6
“ผมมีความเชื่อว่า ในช่วงที่ตลาดผันผวนอย่างมากในช่วงนี้  หากมองในมุม Fundflow ต่างชาติ ก็ยังมีแนวโน้มขายออกต่อไปอีก  หากมองในมุม Fundamental … หุ้นไทยหลายตัว ไม่ได้มีราคาแพงเกินพื้นฐานระยะยาว การมีหุ้นที่ต้นทุนในช่วงระดับนี้ ระยะยาวไม่ได้เสียเปรียบตลาดเลย  นักลงทุนควรมีสติและทยอยลงทุน เหมือนนักมวยที่ตั้งการ์ดสูง แล้วออกหมัดแย็บอย่างระมัดระวัง จะทำให้เรายืนระยะได้ครบยก  อ้อ…ห้ามหมดแรง(หมดเงิน)ซะก่อนนะ สำคัญมาก… สู้ๆ”

ตอบโดย ตัวแทนเม่าประจำจังหวัด “ป๋วย” เจ้าของเพจ  งงหุ้น
stock4
“จากประสบการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นมาเกือบ 5 ปี มันก็มีช่วงหุ้นตกทุกปีหละค่ะ ^^ อยู่ที่ว่าจะตกมาก ตกน้อย มาจากปัจจัยอะไร ที่สำคัญคือ อย่าจิตตกตาม ตั้งสติให้มาก หาแนวทางการลงทุนของตัวเองและ จับจังหวะของตลาดให้ได้ ถ้าเป็นแนวเทคนิค สัญญานบอกให้ขายต้องขาย อย่ายื้อ อย่าถัว ถ้าเป็นแนววีไอ ทำการบ้านให้ดี มีราคาพื้นฐานในใจก็ต้องกล้าซื้อเมื่อราคามันลง ถ้าเกิดผิดพลาดขาดทุน ก็เอาความผิดพลาดกับมาเป็นประสบการณ์ เรียนรู้แล้วอย่าทำอีก ปรับ MINDSET การลงทุนของตัวเองให้ได้ และทั้งหมดนี้ที่สำคัญคือ รู้จักตนเอง มีสติ อย่าเชื่อข่าวมากเกินไป และอย่าโลภคะ
ท้ายนี้ ไม่ว่าคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่ มือเก่าในตลาดหุ้น สิ่งที่สำคัญคือต้องรู้ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงที่สุดคือ การไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรอยู่….”
ขอขอบคุณบทความจาก http://www.unlockmen.com/



หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วิธีการสมัครขอใช้งาน investorChart



การสมัครขอใช้งาน investorChart


1.เข้าเว็บไซต์ www.investor.co.th
2.เลือก เมนู Free Trial




     3.เลือก เมนู Register Now



 4. กรอกรายละเอียดในการสมัครให้ครบ




5. พอกรอกรายละเอียดเรียบร้อยแล้วให้กด ปุ่ม Submit






6. เสร็จแล้วทำการยืนยันการสมัครตาม E-mail ที่ท่านได้กรอกเอาไว้ โดยกดยืนยันที่ลิงก์ด้านล่าง





หากท่านพบปัญหาการสมัคร สามารถติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ 02 166 3159-61 ต่อ 105,204
088 227 0493










หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เริ่มต้นลงทุนต้องทำยังไง?

 เริ่มต้นลงทุนต้องทำยังไง?             
        อยากมีบ้าน  อยากมีรถ   อยากมีเงินเยอะๆ  อยากรวย!!!  ทำยังไงดี?  ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้เราอยากมีฐานะที่มั่นคง  เป็นคนที่มั่งคั่งกัน  วันนี้แอดมินเกดมีสาระดีๆ สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นลงทุนแต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน? มาฝากกันค่ะ

             สำหรับใครที่อยากเช็คว่าสุขภาพทางการเงินดีหรือไม่  ตามลิ้งค์ดีๆจาก SET ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เลยค่ะ
http://www.set.or.th/education/th/online_classroom/financialcheck.html






               เราควรกำหนดเป้าหมายโดยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือระยะสั้น(ไม่เกิน 1 ปี) ระยะกลาง(ไม่เกิน 5ปี)  ระยะยาว(ตั้งแต่ 5 ปี เป็นต้นไป)  เพื่อเป็นแนวทางในการมุ่งไปสู่ความมั่งคั่งในอนาคตค่ะ




ทำไมจึงต้องวางแผนทางการเงินนะ?
                  แผนการเงินที่ดีก็เหมือนการขับรถมีแผนที่ ถึงที่หมายได้รวดเร็ว   หากเราไม่วางแผนการเงินก็เหมือนเราขับรถโดยไม่มีแผนที่ อาจถึงที่หมายแต่ก็ช้า บางครั้งก็หลงไม่ถึงที่หมาย  ก่อนที่เราจะวางแผนทางการเงินเราควรเช็คตัวเองก่อนว่าเรามีรายรับทั้งหมดเท่าไร  รายจ่ายทั้งหมดเท่าไรเมื่อหักลบกันแล้วส่วนที่เหลือจะนำมาวางแผนทางการเงินกันค่ะ





 เราจะประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ เรานั้นต้องหมั่นปฏิบัติตามแผนที่วางไว้และหมั่นทบทวนปรับปรุงแผนอยู่เสมอ
เท่านี้การลงทุนก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปใช่ไหมคะ ^^









หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

Ads Inside Post