วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

5 แนวคิด เปลี่ยนคุณเป็นเศรษฐีได้ไม่ยาก


5 แนวคิด เปลี่ยนคุณเป็นเศรษฐีได้ไม่ยาก





        หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าต้องลาออกมาเปิดธุรกิจของตัวเองเท่านั้นถึงรวย แต่จริงๆแล้วทำอาชีพไหนก็รวยได้ ขอแค่เข้าใจวิธีการจัดการเงินและหนี้สินที่ดี คำว่าเศรษฐีก็อยู่ไม่ไกลแล้วครับ

คำโบราณที่ว่า การไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐ เป็นคำสอนที่ถูกต้องที่สุดแล้วครับ เพราะคนเราต่อให้มีรายได้มากแค่ไหน สิ่งที่โตตามไปด้วยก็คือรายจ่าย ที่เรามักจะจ่ายกันมากขึ้นเป็นเงาตามตัว คำนวนแล้วก็เหลือเงินเก็บอยู่เท่าเดิม แต่ด้วยอายุที่มากขึ้น ความรับผิดชอบมากขึ้น ย่อมต้องมีรายจ่ายที่ไม่คาดฝันเกาะไหล่เกาะหลังเราอยู่อย่างนับไม่ถ้วน (ค่ารักษาพยาบาลญาติผู้ใหญ่, ค่าใช้จ่ายสังคม และอื่นๆอีกมากมาย) เมื่อถึงจุดที่รายจ่ายแซงหน้ารายได้ นั่นคือหนี้สิน แต่เราสามารถวางแผนจัดการหนี้สินให้ดี และมีแนวคิดเรื่องการเงินที่จริงจัง ชีวิตจะดีขึ้นแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานออฟฟิศหรือเจ้าของธุรกิจ




 1 . พยายามหารายได้เข้าให้มากที่สุด 
พนักงานออฟฟิศ หรือเจ้าของธุรกิจ ต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำเยอะมากในแต่ละวัน หลายคนก็อยากจะแบ่งเวลาหลังเลิกงานเอาไว้พักผ่อน ตามวิถี Work Life Balance ผลก็คือทุกคนมีรายได้ประจำเพียงแค่ 1 ช่องทาง และเป็นจำนวนตายตัว ต่อให้คุณรู้ว่าเดือนหน้าจะต้องมีค่าใช้จ่ายพิเศษมากมาย ซึ่งบางทีอาจจะเกินเงินเดือนหรือรายได้ที่คุณได้รับ ผลที่ตามมาคือหนี้สิน

ถ้าคุณถามผู้ใหญ่หรือคนที่ประสบความสำเร็จทุกวันนี้ ทุกคนจะสอนคุณเหมือนกันหมดว่า จงพยายามอย่าอยู่เฉย หารายได้เข้ามาให้ได้หลายทางมากที่สุด จะเล็กหรือน้อยไม่สำคัญ แต่ที่ต้องทำให้ได้คือการหา Passive Income หรือรายได้อีกทางนอกจากเงินเดือน เช่นรายได้จากการลงทุน, จากการขายของ หรือจากการเป็น Freelance ก็ตาม ยิ่งคุณขยับตัวมาก คุณก็จะยิ่งเห็นโอกาสมากกว่าคนอื่นไปด้วย



2. ออมเงินเพื่อลงทุน ไม่ใช่ออมเงินเพื่อเก็บไว้ในธนาคาร
เราเห็นหลายคนมีความคิดที่ว่า จะเก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์เพียงอย่างเดียวเพื่อความปลอดภัย แต่เราอยากจะบอกว่า ให้เปลียนความคิดจะดีกว่า เพราะการเก็บเงินแต่ไม่เอาไปลงทุนทางใดทางหนึ่ง ไม่มีทางทำให้คุณรวยขึ้นได้ แต่การเอาเงินเก็บนั้นไปลงทุนต่างหากที่จะทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้น 

การลงทุนสามารถทำได้หลากหลายทาง แล้วแต่ Lifestyle ของแต่ละคนจริงๆ ถ้าชอบเสี่ยงมาก ได้เงินก้อนโต ก็ต้องดูตลาดหุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์ หรือถ้าไม่ชอบความเสี่ยงมาก ได้เงินแค่พอประมาณก็โอเค ก็ยังมีตระกูลกองทุนต่างๆ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว มีประกันแบบออมทรัพย์ ที่การันตีเงินปันผลให้คุณได้ทุกปี และยังสามารถเอาไปหักภาษีได้อีกต่อนึงด้วยนะครับ



3. หลีกเลี่ยงหนี้สิน ที่ไม่สร้างรายได้
ข้อนี้เป็นข้อที่โดนคนส่วนใหญ่มากที่สุด ถ้าคุณกู้เงิน มีหนี้สิน เพราะต้องเอาไปลงทุนเพื่อสร้างรายได้ที่มากขึ้น อันนี้ถือว่าเป็นหนี้สินที่รับได้ แต่ถ้าคุณไปกู้เงิน เป็นหนี้มากมาย เพราะเอาเงินไปซื้อคอนโด ซื้อบ้านหลังที่ 2 ซื้อของแฟชั่นฟุ่มเฟือยเกินตัว หรือซื้อรถยนต์ราคาแพงเกินความจำเป็น ทั้งหมดนี้เป็นเปลือกนอกที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกภูมิใจจากสายตาคนรอบข้าง แต่มันไม่ได้สร้างรายได้ให้คุณเลยแม้แต่บาทเดียว แถมคุณยังต้องเสียดอกเบี้ยจำนวนมหาศาล

คำนวนง่ายๆ คุณจะซื้อคอนโดราคา 7 ล้านบาท ถ้าคุณวางแผนผ่อนเกิน 20 ปี ดอกเบี้ยของคุณจะกลายเป็น 100% ของราคาที่คุณซื้อทันที ดังนั้นในกรณีนี้ ราคาคอนโดของคุณจะกลายเป็น 14 ล้านบาท ในกรณีที่ไม่ได้มีการเอาเงินไปโปะเลย เมื่อถึงเวลานั้น ราคาซื้อขายยังไงก็ไม่มีทางถึง 14 ล้านบาท เรียกว่าขาดทุนตั้งแต่เซ็นชื่อแล้ว 

เคล็ดลับของเศรษฐีหรือผู้ประสบความสำเร็จก็คือ ยอมเป็นหนี้ได้ ถ้ามั่นใจว่าหนี้นั้นจะสามารถสร้างรายได้ก้อนใหญ่กว่าในอนาคต


4. รู้จักหวะการลงทุนที่เหมาะสมกับรายได้
การลงทุนเพิ่มรายได้ ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ แต่ให้เลือกลักษณะธุรกิจที่จะลงทุนให้เหมาะสมกับเงินเก็บบวกกับรายได้ที่มี รอจนกระทั่งมีเงินเก็บมากพอที่จะหันไปลงทุนในธุรกิจบางอย่างได้ เช่น มีเงินมากพอจะซื้อของมาขายใน Internet ก็เข้าท่า หรือจะเอาเงินเก็บนั้นไปโปรโมตสำหรับงาน Freelance ของคุณ เมื่อถึงวันที่คุณมีเงินเก็บมากขึ้น ก็นำเงินเก็บนั้นไปลงทุนในธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น

เคล็ดลับคือ อย่าดันทุรังลงทุนแบบเกินตัว คุณอาจจะคิดว่าถอนเงินหมดบัญชีไปลงทุนก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไงก็ยังมีเงินเดือนอยู่ แต่ลองคิดว่าถ้าเดือนนั้นญาติผู้ใหญ่เกิดป่วยขึ้นมา ต้องใช้เงินหลายแสนในการรักษา แล้วตอนนั้นคุณจะทำยังไง? จำไว้ว่าในชีวิตจริง ไม่ได้ราบรื่นแบบที่คุณเคยวาดฝันไว้แน่นอนครับ


5. ตั้งเป้าหมายชีวิตระยะยาว กลาง ถึงสั้น
เหมือนกับการทำงานหรือทำธุรกิจ เราอยากแนะนำให้คุณตั้ง KPI หรือเป้าหมายของตัวเอง โดยตั้งการตั้งเป้าหมายให้มีความเป็นไปได้ แต่ก็ยังมีความ Challenge อยู่ โดยแบ่งเป็นการตั้งเป้าหมายทั้งระยะปี ระยะเดือน และระยะสัปดาห์ จะได้ผลดีที่สุด

การตั้งเป้าหมายของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆมากมาย เช่นพื้นฐานนิสัย สังคม รายได้ ครอบครัวและอื่นๆอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณคำนวนรายได้แล้ว ตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะต้องมีเงินในธนาคารเท่าไหร่ โดยที่ในแต่ละเดือน จะใช้เงินเท่าไหร่ เก็บเท่าไหร่ จากนั้นจึงลงมาที่วัน ว่าจะใช้เงินรายวันได้เท่าไหร่ โดยคุณอาจจะระบุว่า ในแต่ละเดือนจะปาร์ตี้หนักกี่ครั้ง จะ shopping กี่ครั้งใน 1 เดือน เพื่อทำให้เป้าหมายในชีวิตไม่เครียดเกินไป

ที่เราอยากแนะนำเป็นสิ่งสุดท้ายคือความมีระเบียบครับ ต่อให้คุณอ่านวิธีเก็บเงิน ทำเงิน บริหารการเงินมามากแค่ไหน แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตามอย่างจริงจัง ก็คงจะยากที่จะเห็นผลสำเร็จแน่นอนครับ 

Cr. - www.unlockmen.com
      - Pantip.com

ภาพจาก Google

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Ads Inside Post