การจะเริ่มเล่นหุ้นนั้นก่อนอื่น เราต้องรู้เรา หรือรู้ตัวเองก่อนครับว่า เราพร้อมแค่ไหน กับการที่จะเข้ามาทำกำไรในตลาดทุนแห่งนี้ (ส่วนรู้เขานั้นเราต้องไปวิเคราะห์กันในสภาพตลาดอีกทีว่าเหมาะสมกับการเล่น ของเราหรือไม่ ต้องใช้เครื่องมือหรือการวิเคราะห์แบบไหนเข้าไปตรวจจับ ซึ่งจะเป็นในเชิงลึกแล้ว เราค่อยมาว่ากันทีหลัง ตอนนี้เรามาดูในเบื้องต้นกันก่อน)
สิ่งที่เราต้องรู้ตัวเราเองและต้องเตรียมในขั้นแรกๆ คือ เงินทุนและความรู้ โดยเฉพาะความรู้ถ้าเรามีไม่พอ ก็ไม่ต่างอะไรกับการโยนเงินรายได้ไปให้กับมือเก๋าๆ ในตลาดครับ
เล่นหุ้นต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่?
ในการลงทุน เงินทุนยิ่งมากก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว แต่สำหรับมือใหม่แนะนำว่าเริ่มต้นที่ 100,000 บาทก่อนก็ดีครับ เก็บความรู้เก็บประสบการณ์ไปก่อน ถ้าเก่งแล้วค่อยเพิ่มทุน ก็ยังไม่สายเกินไปที่จริงแล้วการจะใช้เงินทุนเท่าไหร่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่ารูปแบบการลงทุน ของเพื่อนๆ นักลงทุนเป็นแบบไหน และลงทุนในหุ้นตัวไหน มีน้อยก็เริ่มจากลงทุนน้อยๆ ได้ แต่สำคัญที่ ว่าเงินที่นำมาลงทุนในหุ้นนี้ ต้องเป็นเงินเย็น เงินที่เรากันไว้จากเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันปกติแล้ว เป็นเงินที่เราไม่ได้จำเป็นต้องดึงกลับมาใช้ในเวลาอันใกล้นี้ เพราะอาจจะเกิดปัญหาที่ว่าเงินยังไม่ได้ออกดอกออกผลตามที่ควรจะเป็น กลับต้องดึงกลับมาใช้จ่ายซะแล้ว จะเสียประโยชน์ในระยะยาวเสียเปล่าๆ ครับ
ในการเล่นหุ้นต้องรู้อะไรบ้าง?
- รู้ว่าสิ่งที่เราจะลงทุนคืออะไร มีลักษณะเฉพาะตัวอย่างไร ซึ่งในที่นี้คือ หุ้น และอย่าลืมว่าราคาของหุ้นจะขึ้นจะลงได้ แท้จริงแล้วจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของธุรกิจนั้นๆ เป็นสำคัญ ไม่ใช่เกิดจากการทำราคาหุ้น ปั่นราคาหุ้น เพราะถึงจะทำราคาอย่างไร สุดท้ายแล้วราคาก็จะกลับมาเคลื่อนไหวตามผลการดำเนินงานของธุรกิจอยู่ดีแหละ ครับ ควรศึกษาไปให้ลึกถึงขั้นรู้ความเป็นมาของหุ้นแต่ล่ะตัวว่า เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร ใครเป็นผู้บริหาร สัญญาอะไรไว้ทำได้ตามนั้นหรือไม่ มีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีเป้าหมายในอนาคตอย่างไร อะไรเป็นจุดอ่อนจุดแข็งของธุรกิจนี้บ้าง เป็นต้น ถึงแม้ในตลาดหลักทรัพย์ในบ้านเราจะมีหุ้นอยู่ 500 กว่าตัว แต่ไม่จำเป็นต้องรู้หมดทุกตัวหรอกครับ เลือกหุ้นที่เราสนใจ และอยู่ในธุรกิจที่เราเข้าใจดี แล้วเข้าซื้อขายให้ถูกจังหวะก็เพียงพอแล้ว
- รู้ว่าตัวเราเองเหมาะกับการลงทุนแบบไหน เล่นสั้น กลาง หรือว่าลงทุนระยะยาว ชอบแบบเน้นตั้งรับกินปันผล หรือว่า ชอบเชิงรุกแบบแนววิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งการลงทุนแต่ละแบบ วิธีการแต่ล่ะแบบก็จะแตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อนๆ ก็ควรจะต้องรู้ตัวเองให้ได้ว่าเหมาะกับแบบไหน และทุกแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน เช่นเล่นสั้นจะเห็นผลได้เร็วกว่า การเล่นระยะยาว แต่ก็ต้องใช้การตัดสินใจที่บ่อยครั้งกว่า และใช้เวลาในการติดตามราคามากกว่าการเล่นระยะยาวเป็นต้น ที่สำคัญต้องรู้ว่า เข้าซื้อวิธีไหนก็ขายออกด้วยวิธีนั้น ไม่ใช่ว่าตอนซื้อมาแบบนักลงทุนระยะสั้น แต่พอหุ้นไม่เป็นไปตามคาดก็ไม่ยอมตัดขาดทุน กลายเป็นนักลงทุนระยะยาวจำเป็นซะงั้น แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ
- รู้ว่าจะใช้เครื่องมือชนิดใด การวิเคราะห์แบบไหนมาเป็นตัวช่วยในการลงทุน หรือมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งหลักๆ แล้วจะมีอยู่สองแบบคือ
- การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน(Fundamental Analysis) ซึ่งก็ต้องติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท ดูบัญชีเป็น ดูงบการเงินเป็น ดูแนวโน้มการเติมโตของบริษัทนั้นๆ ได้ และเข้าซื้อเมื่อเห็นว่าราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากๆ วิธีนี้ส่วนใหญ่ในบ้านเราจะรู้จักกันในนาม VI การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) นักลงทุนระดับโลกที่ใช้แนวทางนี้ก็ได้แก่ Benjamin Graham, Warren Buffett, Philip Fisher รวมถึง Peter Lynch เป็นต้น ส่วนในไทยเราก็มี อาจารย์ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร, นพ.บำรุง ศรีงาน(หมอสามัญชน แห่ง ThaiVI.com) เป็นต้นครับ
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค(Technical Analysis) ซึ่งก็ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของราคาของหุ้นนั้นๆ อ่านกราฟเป็น ใช้อินดิเคเตอร์เป็น เข้าใจแนวโน้มของราคา (Trends) เข้าใจรูปแบบของราคา (Patterns) เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อขายให้ถูกจังหวะ นักลงทุนระดับโลกที่ใช้แนวทางนี้ก็ได้แก่ George Soros, Jesse L. Livermore, Ed Seykota เป็นต้น ส่วนในไทยเราก็มี คุณลุงโฉลก(chaloke.com) คุณมัดเลย์ (mudleygroup.blogspot.com) คุณเด่นศรี (dsm.pantipmember.com) เป็นต้นครับ
เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ต้องทำอย่างไร?
อย่างแรกเลยคือต้องเตรียมหลักฐานเหล่านี้ให้พร้อม- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บัตรข้าราชการ หรือหนังสือเดินทาง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาใบแจ้งรายการบัญชีธนาคารหรือสำเนาสมุดเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน
- แบบคำขอให้หักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (ATS) (อันนี้หากเราต้องการให้โบรกเกอร์ตัดเงินจากบัญชีได้เลยก็กรอกไปได้เลยครับ แต่ถ้าต้องการโอนเงินเข้าเองไม่ต้องการให้หักอัตโนมัติก็ไม่ต้องกรอกตัวนี้ครับ)
- ค่าอากรแสตมป์ 30 บาท
หากทุนน้อยและต้องการเทรดบ่อยๆ ก็สามารถเลือก โบรกเกอร์ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ ที่ตอนนี้มี บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กับ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ครับ
ตามลิ้งค์ด้านบนเพื่อนๆ สามารถกรอกข้อมูลสมัครทางออนไลน์ได้เลยครับแล้วเราก็ปริ้นออกมาเซนต์กำกับ หรือว่าโบรกเกอร์เขาจะส่งเอกสารมาให้กรอกทางไปรษณีอีกที อันนี้แล้วแต่โบรกเกอร์ หรือว่าถ้ามีสำนักงานโบรกเกอร์อยู่ใกล้บ้าน เพื่อนๆ สามารถโทรให้เขามาหาถึงบ้านพร้อมกับเอกสารการสมัครได้เลย โบรกเกอร์ต้องการลูกค้าใหม่ๆ อยู่แล้วเลยแข่งกันบริการเต็มที่
ส่วนระยะเวลาอนุมัติส่วนใหญ่จะประมาณ 7 วัน ถ้าเกินนี้โทรจิกไปเลย หรือไปตั้งกระทู้ที่ พันทิบ ห้อง สินทร (http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/) ก็ได้ รับรองได้เรื่อง
ต้องเปิดบัญชีประเภทไหน?
มือใหม่ควรเปิดแบบ บัญชีเงินฝาก (Cash Balance Account) ซึ่งเราต้องฝากเงินเข้าไปมีเงินเท่าไหร่ซื้อหุ้นได้เท่านั้น เพิ่งเริ่มอย่าเพิ่งเปิดแบบบัญชีเงินกู้ยืม (Credit Balance Account) ไว้เราบริหารจัดการการเงิน (Money Management) ได้เก่งแล้วค่อยมาว่ากันอีกทีและแนะนำว่าให้เปิดบัญชีแบบเล่นหุ้นออนไลน์จะสะดวกมากๆ ครับ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์บ้านเราจะกำหนดวงเงินที่ต้องใช้เงินในการ เปิดบัญชีออนไลน์ขั้นต่ำที่ประมาณ 5,000 ถึง 50,000 บาทครับ แล้วไม่ต้องกลัวว่าเงินของเราจะไปนอนนิ่งเฉยๆ ไม่ยอมทำงาน เพราะโบรกเกอร์เขาก็มีดอกเบี้ยเงินฝากให้ด้วยครับ
อย่าลืมนะครับก่อนเล่นหุ้นด้วยเงินจริง ความรู้เพื่อนๆ ต้องพร้อม เพราะในสนามแห่งนี้ต่อให้เพื่อนๆ มีเครื่องมือดีขนาดใหน สุดท้ายก็ต้องสู้กันด้วยความรู้และประสบการณ์อยู่ดีครับ
อยากให้เพื่อนๆ ที่เล่นหวย หันมารวยด้วยการเล่นหุ้นกันเยอะๆ แต่ไม่ใช่ว่าเห็นตัวเลขราคาแล้วมาเล่นหวยหุ้นกันอีกนะ อันนั้นหนักกว่าเดิมอีก
ขอบคุณบทความจาก ::http://www.stocktipsdd.com/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/
หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย
Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com
Facebook :; www.facebook.com/InvestorZcom
Twitter :: https://twitter.com/investorZcom
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น