วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

24 Essential Lessons for Investment Success


24 Essential Lessons for Investment Success



ผู้เขียน: William J O' Neil
ผู้แปล ผู้เรียบเรียง: N/A 
ปี: 1999
สำนักพิมพ์: McGraw-Hill

About Authour
     หากท่านได้มีโอกาสพบหนังสือที่เขียนโดย William O'Neil คนนี้ ให้คิดไว้ได้เลยว่ามีคุณภาพแน่นอน เพราะ O'Neil ถือเซียนหุ้นคนสำคัญระดับต้นๆ ในโลก โดยหนังสือเล่มนี้แท้จริงแล้วจัดเป็นหนังสือเล่มย่อของฉบับหลักที่ขายดีระดับโลกของคุณ O'Neil เอง เกี่ยวกับการเป็นนักลงทุกที่ครบเครื่อง คือเอาทั้ง Fundamental, Technical, Psychology, and Markets ที่สำคัญ ทั้งนี้เขายังเป็นผู้นำหลักความคิดที่เรืยกว่า CANSLIM 
     ผู้เขียนเชื่อว่าการ Cut Loss เป็นสิ่งแรกสุดที่นักลงทุกคนควรทราบไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนหน้าใหม่ควรจะศึกษาไว้ เพราะโดยปกติหากท่านลงทุนอะไรก็ตามแล้วไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้ แต่กลับขาดทุน คงไม่ต้องให้ใครมาเตือนท่านว่า ท่านยังมีอะไรที่เรียนรู้ได้อีกจากตลาดการลงทุน ผู้เขียนแนะนำว่าให้ท่าน Cut ต้นทุนที่ 7-8% ถ้าเป็นไปได้ และไม่ควรเกิน 10% เพราะถ้าขาดทุนในขอบเขตนี้ท่านจะยังสามารถรักษาทุนไว้ได้ ในขณะที่การเสียทุน 50% ท่านจะต้องหากำไรถึง 100% จึงจะได้ทุนเดิมคืนมา จากประสบการณ์ของกระผมเองต้องขอบอกว่า ควรทำ และที่สำคัญในหลักการนี้ จะช่วยบังคับให้ท่านเริ่มเรียนรู้ที่จะหาจังหวะและวิธีการเล่นที่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งในความเป็นจริงท่านจะรู้ได้เองตามประสบการณ์ว่า จะต้อง Cut ที่กี่ % เพราะผลลัพธ์การเล่นหุ้นของท่านเองจะฟ้อง เมื่อใดท่านเข้าใจตลาดดีแล้ว ผมขอเสริมว่า การไม่ Cut Loss เลย หรือแม้ กระทั่งการ Cut ที่น้อยกว่า 1% ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องได้เช่นกัน

     ในส่วนตอนต้นๆ ของหนังสือจะกล่าวถึงการเล่นหุ้นโดยอิงถึง Technical และ Fundamental เพื่อที่จะเป็นหลักการคัดเลือกหุ้นที่น่าสนใจ การดูกลุ่มอุตสาหกรรมที่มาแรง การดู volume และการดูเกรดของกองทุนที่ซื้อหุ้นนั้น ๆ
     ช่วงกลางๆ จะกล่าวถึงความสำคัญที่จะวิเคราะห์จังหวะที่จะเล่นเพื่อลดความเสี่ยง... อ่านต่อ

How to buy at just the right moment

ในส่วนนี้จะกล่าวถึง การใช่ chart patterns อาทิ cups, W เป็นต้น 

     การดูเทรนด์ของตลาดโดยรวม การวิเคราะห์ตลาดแบบลึก
     จากนั้น ตอนท้ายของเล่มจะมากล่าวถึงการถือให้กำไร และ การเล่นหุ้นแบบ Focus จำนวนหุ้น 
     และสุดท้ายคือหลักการขายหุ้น

หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

Why You Win Or Lose


Why You Win Or Lose




ผู้เขียน: Fred C. Kelly
ผู้แปล ผู้เรียบเรียง: N/A 
ปี: 2008
สำนักพิมพ์: www.therichestmaninbabylon.org


หนังสือนี้ถูกยกตัวอย่างอยู่เนื่องๆ ทั้งที่น่าจะเขียนขึ้นกว่า 50 ปีที่แล้ว เพราะเล่าถึงเหตุการณ์ ช่วงปี 1929 ตัวอย่างเช่น ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับ วอเรนต์ ที่สำคัญคนเขียนคำนำก็เป็น William Oneil เซียนคนสำคัญของโลกคนหนึ่ง ซึ่ง Oneil เองก็เอาบทความหลายส่วนมาเขียนไว้ในหนังสือของตัวเองเช่นกัน

     มีนิทานเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นนิทานอิสป แต่คุณจะคิดไม่ถึงเลยว่าเขียนโดยนักเล่นหุ้นชั้นเซียน Fred Kelly คนนี้เอง 
     เนื้อหาก็มีอยู่ว่า นายพรานล่า ไก่งวงที่ครั้งหนึ่งสามารถได้ไก่งวงในกรงดักถึง 12 ตัว แต่ด้วยความลังเล หรือที่สำคัญคือไม่เข้าใจไก่งวง นั้นเองจึงทำให้เค้ากลับบ้านมือเปล่า(คลิกตรงนี้เพื่ออ่านเรื่องเต็ม) เรื่องนี้จึงถูกเล่าขานไปทั่วโลกเกี่ยวกับความโลภ แต่แท้จริงแล้วนั้นมีความหมายลึกซึ่งกว่านั้น และมาจากพฤติกรรมของนักเล่นหุ้นนั่นเอง
     หนังสือเล่มนี้ตั้งหลักโดยเริ่มเรื่อง อธิบายเกี่ยวกับความคิดในใจของนักลงทุน อาทิเช่น ความยึดติด ความคาดหวัง ความดื้อรั้น ความโลภ ความเชื่อ การบริโภคข่าวต่าง ๆ และสิ่งอื่น ๆ ที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จ โดยอธิบายด้วยตัวอย่าง ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำกับชีวิตของนักลงทุนโดยทั่วไป รวมเป็นพฤติกรรมของตลาดที่สามารถเข้าใจได้

อ่านต่อ

สาระสำคัญ

     มีอีกบทหนึ่ง จะเล่าถึงการบริหารงานของกลุ่มนักลงทุนที่ปั่นหุ้น โดยพวกเค้าจะทำการเล้าโลมนักลงทุนทั่วไปด้วยการบริหารความคิดเห็นของ หุ้น หรือ ตลาด เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นจริงไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลก ล่าสุดคงจะไม่พ้นเรื่องที่ Goldman Sachs ถูกสภาไต่สวนเรื่อง ที่ทำการ short ตลาดอสังหา ทั้งที่ลูกค้าตัวเอง รวมถึง แบงค์ต่าง ๆ บริษัทร่วมทุนต่าง ๆ long ขาขึ้นกัน ทำเอาแบงค์เสียศูนย์ หรือ ล้มละลายทีเดียว ส่วน Goldman ก็รอดมาได้เพราะ Short เอาไว้เยอะ
  • ศึกษาตัวเองให้ดีว่า ความคิดความอ่านอย่างไรที่จะทำให้ติดกับในการลงทุน ต้องขอบอกว่า คงต้องอ่าน ตัวอย่าง เอาเองครับ

  • ข่าวที่มีอิทธิพลต่อนักลงทุน จะไม่ทำให้หุ้นมีทิศทางชัดเจน นั่นหมายถึง มีข่าวทำให้หุ้นขาดทิศทาง ตัวอย่างเช่นถ้าท่านลงทุน ปตท ช่วงมีไฟไหม้ หวัง discount คุณคงจะไม่ได้ อะไรเลยกว่า 6 เดือนเต็ม ทั้งที่หุ้นที่เงียบกว่า ขึ้นเอาๆ เป็น 30-40% ในช่วงเดียวกัน หรือ ถ้าต่างประเทศ คงไม่พ้น TOYOTA ที่โดนอ่วมเรื่องชื่อเสียงก็ไม่ขึ้นเลย แถม ลงเอาๆ ด้วยซ้ำ ต่างกับ FORD ที่พุ่ง กว่า 500% ช่วงเดียวกัน ผู้เขียนให้ความเห็นว่า เมื่อข่าวจางไป นักลงทุนตัวจริงจึงจะเริ่มซื้อ นั้นหมายถึง นักลงทุนตัวจริงคงจะส่งเสริมให้หุ้นตกลงด้วยซ้ำ แล้วเมื่อหุ้นตกลงมา จนมันกดไม่ลง พวกนักลงทุนตัวจริงจะค่อยๆ กว้านซื้อแบบเงียบๆ นั้นหมายความว่านักลงทุนต้องรู้จังหวะ ตามอาการของหุ้น คงไม่ต้องพูดต่อถึงว่า Goldman ทำอะไรไว้กับพวก Bank ด้วยกัน

  • รู้จักสัญญาณของการเคลื่อนตัวของหุ้น เพราะคุณจะได้เปรียบก็ต่อเมื่อคุณเป็นคนแรกๆ ที่นำตลาด ถ้าคุณเป็นผู้ตามย่อมเสียเปรียบเสมอ และนั่นก็จะทำให้ท่านไม่เสียท่าเมื่อรู้ว่าเป็นผู้ตาม

  • การรู้จัก ที่จะเล่นตรงข้าม หรือ การที่รู้จัก การที่จะตาม เป็นสิ่งที่ต้องศึกษาเป็นอย่างยิ่ง คือ ต้องรู้ว่า นี่คือสัญญาณที่จะมีเทรนด์เดิมอีกยาว หรือว่านี่คือ ความบ้าคลั่งของตลาดที่ถึงเวลาต้องเล่นสวนทาง เราก็ต้องเรียนรู้ให้ได้

  • ยังมีอีกมากลองอ่านดูนะครับ


หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

Reminiscences of a Stock Operator


Reminiscences of a Stock Operator


ผู้เขียน: Edwin Lefevre
ผู้แปล ผู้เรียบเรียง: N/A 
ปี: 2001
สำนักพิมพ์: Wiley

หนังสือเล่มนี้ถ้าย้อนกลับไป สัก 5 ปีที่แล้วท่านจะหาซื้อยากมากๆ เพราะมันไม่การพิมพ์เพิ่มแล้ว ในช่วงนั้น ผมหาซื้อจาก Amazon.com เป็นแบบ PDF download ไม่ต้องเสียค่าส่ง พอเปลี่ยนเครื่อง PC แล้วทำให้เปิด file ไม่ได้คงเพราะมีลิขสิทธิ์กับตัวเครื่องก็เป็นได้ ปัจจุบัน มีขายจากหลายสำนักพิมพ์แล้ว แต่คงยังไม่ได้แปลเป็นไทย ถึงเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็เป็นภาษาอังกฤษที่โบราณทีเดียว
หนังสือเล่มนี่เล่มนี้ไม่ใช่ How to แต่เป็น Biography มากกว่า เกี่ยวกับประวัติของ นาย Jesse Livermore ชีวิตเค้าเริ่มต้นจาก การเป็น Bucket Boy จดราคาหุ้น ที่กระดาน จนเค้าสามารถเข้าใจจิตวิยาของราคา เป็นแม่แบบของการลงทุนเชิง chart patterns แต่นี้ยังไม่ใช้จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้

Jesse มีปรัชญาการลงทุนที่ ถ้าคุณได้เปรียบเทียบกับคนอื่นท่านจะเข้าใจว่า การมีจังหวะที่ถูกต้อง การประเมินความเสี่ยงเป็น และการให้ความมั่นใจต่อสถานะการณ์ คือคุณลักษณะของนักลงทุนที่มีชื่อเสียงทุกๆท่าน รวมถึง วอเรนต์ ก็ด้วย

ท่านจะได้เรียนรู้มากกว่า กับจังหวะการ ช็อต ซึ่งเค้าประสบณ์ความสำเร็จมากในเรื่อง นี้ ถึงกับมีข่าวว่าเค้าคือคนที่ทำให้เกิด Great Depression ในปี 1929

อย่างไรก็ดี หนังสือเล่มนี้ถูกวิภากษ์วิจารณ์ ในทางลบเช่นกัน เพราะ ตัว Jesse เองล้มแล้วลุก บ่อยครั้ง... จึงอยากให้ท่าน ผู้อ่าน ใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์ มองให้เป็นข้อคิดเพื่อที่จะ เผ้าระวังอันตรายของความเสี่ยง

หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

How Buffett Does it ตามรอย วอเร็น บัฟเฟตต์

How Buffett Does it ตามรอย วอเร็น บัฟเฟตต์





ผู้เขียน: James Pardoe
ผู้แปล ผู้เรียบเรียง: เอกสิทธิ์ หัสสรังสี 
ปี: 2005
สำนักพิมพ์: The McGraw-Hill Companies, Inc. - Fidelity Publishing Co., Ltd.

 หนังสือเล่มนี้รวบรวมความเห็นของผู้เขียนถึงสไตล์การลงทุนของวอเร็น แต่เบื้องต้นแล้วขอให้ความเห็นว่า ผู้เขียนอิงถึงสไตล์ของ Benjamin Graham มากกว่า 70% โดยที่บ่อยครั้งที่เขาก็อ้างถึง Ben อย่างชัดเจน ในขณะที่ถ้าท่านเป็นแฟนคลับของวอเร็นท่านคงจะรู้ว่าสไตล์ของ Ben นั้น วอเร็นมองว่าเป็นแบบเก่าและไม่สามารถให้ performance เท่าที่เขาทำได้ในปัจจุบัน

     มีหลักการสำคัญๆ ของวอเร็น แต่ยังเน้นถึงแก่นสำคัญๆ ได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงขอให้คะแนน fundamental                  ในระดับที่ 3 

     หนังสือเล่มนี้เขียนต่อต้านการเรียนรู้เชิง Technical/Psychology อย่างแรง แดกดันอยู่เรื่อยๆ อย่างเช่น ไร้สาระ ไร้ประโยชน์ จะอ้างอยู่บ่อยๆ ทำให้เวลาอ่านเหมือนกับกำลังฟังคนต่อว่าใครสักคนอยู่เสมอๆ เพราะมีเนื้อหาแบบนี้กว่า 30% ของหนังสือ จึงขอให้คะแนน readability อยู่ในระดับกลางๆ

เคล็ด 24 ที่รวบรวมเอาไว้ ยังทำได้ไม่ดี อาทิเช่น
  • "จงซื้อ Low Tech ไม่ใช่ Hi Tech"  - ในขณะที่วอเร็นเคยล้มเหลวอย่างมาก จากบริษัทสิ่งทอ ซึ่งเป็นชื่อของกองทุนของเขาเองด้วยซ้ำ และก็ยังซื้อหุ้นจำนวนมากของ GE เป็นต้น ชี้ให้เห็นว่า มันไม่ใช่กฎ แต่เป็นการมองพฤติกรรมโดยรวมของ วอเร็น มากกว่า เพราะการเลือกหุ้นนั้นมีความลึกซึ้ง
  • "อย่าสนใจกราฟ... ผมไม่เคยเห็นนักวิเคราะห์ทางเทคนิคซักคนที่มีเงินมากกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญ" - ในขณะที่ หน้า 51 ผู้เขียน เขียนว่า "การรอซื้อในราคาที่เหมาะสม นี่คือเครื่องหมายการค้าที่สำคัญในทฤษฎีของ บัฟเฟตต์" น่าเสียดายที่ใน 24 เคล็ดก็ไม่มีเน้นถึงการซื้อให้ถูกเวลาและถูกราคา เพราะผู้เขียนเองก็กล่าวถึงบริษัทอย่าง Walmart ที่วอเร็น ยอมรับว่าอยากเป็นเจ้าของมากแต่หาราคาเข้าที่เหมาะสมไม่ได้ 
  • "วอเร็น... จะไม่ลงทุนถ้าไม่มีสุดยอดผู้บริหาร" - แต่ วอเร็นกลับบอกว่า ธุรกิจที่ดีไม่ต้องมีคนเก่งบริหารก็ได้ อาทิ เขากล่าวถึง Coke
     โดยรวมแล้ว มีเนื้อหาที่ดี แต่ถ้านำไปเปรียบเทียบกับหนังสือของ วอเร็น อื่นๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ average
หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

The TAO of WARREN BUFFETT วิถีแห่ง เต๋า ของ วอเร็น บัฟเฟตต์



The TAO of WARREN BUFFETT

วิถีแห่ง เต๋า ของ วอเร็น บัฟเฟตต์




ผู้เขียน: Marry Bufett & Daivid Clark
ผู้แปล ผู้เรียบเรียง: เอกสิทธิ์ หัสสรังสี
ปี: 2009
สำนักพิมพ์: สำนักพิมพ์ ฟิเดลลิตี้ 


หนังสือเล่มนี้ดีมากๆ จนขอยกให้คะแนนเต็มในทุกๆ ด้าน ถึงแม้ชื่อเรื่องนั้นกล่าวถึงลัทธิเต๋า แต่อย่างไรก็ดี ก็ไม่มีเนื้อหาของลัทธิแต่ประการใด ผู้เขียนคงเพียงจะต้องการเปรียบเปรยให้ผู้อ่านคิดต่อเอาเอง หนังสือจะพูดถึงข้อคิด 125 ข้อที่ David Clark จดเอาไว้ในสมุดโน๊ตของเค้าระหว่างที่มีโอกาสได้ไกล้ชิดกับ วอเร็น ข้อคิดเหล่านี้เป็นหัวใจ และ เป็นหลักการต่างๆ ที่วอเร็นใช้ในการลงทุน และทำให้ประสบความสำเร็จ
     จุดแข็งของเล่มนี้อยู่ที่การอธิบาย หลักการที่วอเร็นใช้ ที่แตกต่างออกไปจาก หลักการของอาจารย์ของตัวเองคือ  Benjamin Graham - ผู้เขียนหลักในหนังสือที่ชื่อ The Intelligent Investor โดยวอเร็นกล่าวว่า หลักการเดิมของ Benjamin นั้นจะไม่ให้ผลตอบแทนแบบที่เขาทำได้ในปัจจุบัน หนังสือการลงทุน Warren นั้นมีมากแต่จะมีเพียงไม่กี่เล่มที่ สามารถแยกแยะ และเน้นตรงจุดที่เป็นวิธีการสำคัญของวอเร็น จึงขอชมเชยในเรื่องนี้
     จากหนังสือ ท่านจะได้ทำความเข้าใจถึงความสำคัญที่วอเร็นให้เกี่ยวกับราคาของหุ้นก่อนที่เค้าจะซื้อ จึงขอยกให้คะแนนในหมวด Technical แบบเต็มร้อย ตัวอย่างเช่น วอเร็นจะซื้อหุ้น นั้นก็ต่อเมื่อ ความเสี่ยงน้อยมากๆ หรือ ราคาหุ้นนั้นๆ ถูกมากๆ ดังนั้นเค้าจึงมีความมั่นใจเกินร้อย สามารถลงทุนด้วยเงินจำนวนมากๆ ได้ และจะไม่ต้องดูราคาหุ้นนั้นๆ อีกเลย หลังจากซื้อไปแล้ว หลักการที่ว่านี้ ชี้ให้เห็นถึงการลงทุนที่หลายคนกลัว แต่เขาไม่กลัว
     นอกจากนี้ ท่านจะได้รับทราบวิธีการลงทุนโดย fundamental อย่างไรก็ตาม ในหนังสือจะไม่มีการอธิบายถึงการดูงบการเงิน หรือการดูตัวเลขต่างๆ แต่ท่านจะได้ในเรื่องของการเลือกหุ้นตัวธุรกิจ เลือกบริษัทที่น่าสนใจ และเลือกปัญหาที่บริษัทเผชิญอยู่ จึงขอให้คะแนนเต็มในส่วนนี้เช่นกัน
     มีข้อคิดหลายๆ อย่างให้ไว้ ไม่เพียงใช้ในการลงทุนแต่เป็นข้อคิดการใช้ชีวิต การเลือกทางที่จะเดิน เหมาะกับหนุ่มสาวที่กำลังเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว
     ขอสรุปสั้นๆว่า คุ้มค่าในการอ่าน และเหมาะกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือไม่ก็ตาม

วอเร็นใช้หลักการ มวลชน ที่สำคัญในการซื้อหุ้น คือ 


  • บริษัทนั้นมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถที่จะซื้อในราคาถูกมากๆ ได้ (e.g. Coca Cola ที่ PE 20 เท่า)
  • ไม่ไล่ตามราคาหุ้นที่สูงเกินไปแล้ว (e.g. Walmart)
  • บริษัทนั้นๆ ไม่มีคนสนใจและบริษัทประสบปัญหาอย่างหนัก ส่งผลถึงราคาที่ถูกมาก (e.g. Washington Post, Geico)
  • การลงทุนหลักๆ และจำนวนมากๆ นั้น เกิดขึ้นในช่วง ตลาดหมีเท่านั้น คือไม่กลัวตลาด หรือ
     การจัดพอร์ตจะเป็นแบบ Focus โดยจะลงเพียงหุ้นประมาณ 10 ตัว

หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย

Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com

Ads Inside Post