“วิธีใช้งาน RSI ที่ไม่ถูกต้อง”
ผมไม่แปลกใจเลยที่ทำไมยังมีคนที่เล่นหุ้นเทคนิคมาตั้งนานแต่ก็ยังทำกำไรกันไม่ได้จริง ๆ จัง ๆ ซักที เพราะมีการแนะนำวิธีใช้งาน Indicators ที่ไม่ถูกต้องกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น การใช้งาน Moving Average ที่ไม่ถูกต้อง การใช้งาน MACD ที่ไม่ถูกต้อง และในบทความนี้จะแนะนำวิธีการใช้งาน RSI ที่ไม่ถูกต้องให้ได้รู้จักกัน
อย่างแรกผมจะแนะนำสัญญาณ 2 ประเภทที่น่าสนใจ จาก RSI ให้ได้รู้จักกันก่อน ได้แก่ สัญญาณ Overbought Oversold และ Divergence จากนั้นก็จะแนะนำวิธีใช้งาน RSi แบบผิด ๆ พร้อมยกตัวอย่างให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทำไมถึงใช้งาน RSI แบบนั้นไม่ได้
ในการวาดกราฟเส้น RSI นั้น โปรแกรมที่วิเคราะกราฟหุ้น จะมีการลากเส้นแนวนอนของค่า RSI เท่ากับ 30 และ 70 เอาไว้ด้วย และตั้งชื่อพื้นที่ในส่วนที่ RSI มากกว่า 70 ว่าเขต Overbought และตั้งชื่อพื้นที่ในส่วนที่ RSI น้อยกว่า 30 ว่า Oversold
คำว่า Overbought ได้มีมีการแปลเป็นภาษาไทยว่า “ซื้อมากเกินไป” และคำว่า oversold มีการแปลเป็นภาษาไทยว่า “ขายมากเกินไป” จึงมีหลายคนตีความว่าถ้า ค่า RSI ขึ้นไปสูงกว่า 70 แปลว่ามีคนซื้อหุ้นมากเกินไปอนาคตหุ้นจะลง ให้ขายหุ้น หรือ เมื่อ RSI มีค่าต่ำกว่า 30 แปลว่ามีคนขายมากเกินไปอนาคตหุ้นจะขึ้น ให้ซื้อหุ้น ซึ่งเป็นวิธีแปลความหมาย RSI ที่ไม่ถูกต้อง
รูปตัวอย่างแสดงการใช้งาน RSI ที่ไม่ถูกต้องโดยการขายหุ้นเมื่อ RSI > 70 และซื้อหุ้นเมื่อ RSI <30
จากสูตรการคำนวณ RSI
การที่ RSI มาค่ามากกว่า 70 แปลความหมายได้ว่า ค่า Average Gain / Average Loss มากกว่า 2.333.. หมายความได้ว่าราคาหุ้นขึ้นมาเยอะ มี Momentum เชิงบวกมาก ไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นจะต้องลง
การที่ RSI มาค่าน้อยกว่า 30 แปลความหมายได้ว่า ค่า Average Gain / Average Loss น้อยกว่า 0.428… หมายความได้ว่าราคาหุ้นลงมาเยอะ มี Momentum เชิงลบมาก ไม่ได้หมายความว่าราคาหุ้นจะต้องปรับตัวขึ้น
การลงมือขายหุ้นทันทีที่ RSI ต่ำลงจนเข้าเขต Oversold หรือลงมือซื้อหุ้นทันที่ที่ RSI เข้าเขต Overbought เป็นวิธีในการใช้งาน RSI ที่ไม่ถูกต้อง
Divergence
ความหมายของ Divergence ในการวิเคราะห์ Indicators คือ การที่ Indicators ให้ข้อมูลไม่สอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของกราฟราคาหุ้น โดยการพิจารณาสัญญาณ Divergence มักจะใช้กับ Indicators ประเภทที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ แรงส่งของราคา (Momentum) และ Indicators ประเภทที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของแนวโน้ม
ยกตัวอย่างกรณีที่กราฟราคาหุ้นกับกราฟ Indicators ไม่สอดคล้องกัน เช่น ราคาหุ้นมีการปรับตัวสูงขึ้นแต่ Indicators กลับให้ข้อมูลว่า Momentum หรือแรงส่งของราคาหุ้นในทิศทางขาขึ้นเริ่มอ่อนแรง หรือในทางตรงข้ามกรณีที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงแต่ Indicaotors กลับให้ข้อมูลว่า Momentum หรือแรงส่งของราคาหุ้นในทิศทางขาลงเริ่มอ่อนแรง
วิธีการพิจารณาสัญญาณ Divergence ที่นิยมคือ การเปรียบเทียบจุดสูงสุดของกราฟราคาหุ้นกับจุดสูงสุดของกราฟเส้น Indicators และการเปรียบเทียบจุดต่ำสุดของกราฟราคาหุ้นกับจุดต่ำสุดของกราฟเส้น Indicators เพื่อดูว่ามีทิศทางเดียวกัน (Convergence) หรือทิศทางไม่สอดคล้องกัน (Divergence)
ในกรณีที่กราฟราคาหุ้นกับกราฟ Indicators ไม่เป็นไปในทางเดียวกัน (Divergence) ได้แก่
1) กรณีที่กราฟราคาหุ้นสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ แต่กราฟ Indicators ประเภท Momentum ไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้เช่นเดียวกับกราฟของราคา ซึ่งแปลความหมายได้ว่า Momentum ที่จะเป็นแรงส่งให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นในครั้งนี้ต่ำลงกว่าก่อนหน้า จึงเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า ให้เราใกล้ชิดกับกราฟของราคาให้มากขึ้น เพราะในอนาคตราคาหุ้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของแนวโน้มจากทิศทางขาขึ้นเป็นทิศทางขาลงแล้วก็เป็นไปได้ (Bearish Divergence : คาดว่าราคาหุ้นน่าจะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลง)
2) กรณีที่กราฟราคาหุ้นทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่กกราฟ Indicators ประเภท Momentum ไม่สามารถสร้างจุดต่ำสุดใหม่เช่นเดียวกับกราฟของราคา ก็จะแปลความหมายได้ว่า Momentum ที่จะเป็นแรงส่งให้ราคาปรับตัวลดลงต่อในครั้งนี้เริ่มลดลงกว่าครั้งก่อนหน้า ก็จะเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าให้ติดตามกราฟราคาหุ้นอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน เพราะในอนาคตราคาหุ้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของแนวโน้มจากทิศทางขาลงเป็นทิศทางขาขึ้นก็ได้ (Bullish Divergence : คาดว่าราคาหุ้นน่าจะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้น)
รูปแสดงตัวอย่างกรณีราคาหุ้นและ Indicators มีสัญญาณ Divergence
กราฟเส้น RSI เป็น Indicators ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Momentum แต่การที่ลงมือขายหุ้นทันทีที่ RSI ส่งสัญญาณ Beraish Divergence หรือลงมือซื้อหุ้นทันทีเมื่อ RSI ส่งสัญญาณ Bullish Divergence เป็นวิธีการใช้งาน RSI ที่ไม่ถูกต้อง เพราะสัญญาณ Divergence เป็นเพียงสัญญาณเตือนล่วงหน้าเท่านั้น ยังไม่ใช่สัญญาณที่จะให้ลงมือซื้อหรือขายหุ้นทันที
ทำไมถึงบอกว่าห้ามซื้อขายทันทีหลังเกิดสัญญาณจาก RSI
เหตุผลที่ผมห้ามซื้อขายทันทีหลังเกิดสัญญาณ Overbought , Oversold หรือ Divergence จาก RSI เป็นเหตุผลเดียวกับการใช้งานใช้งาน Indicators ตัวอื่น ๆ เช่น การใช้งาน EMA ที่ไม่ถูกต้อง และการใช้งาน MACD ที่ไม่ถูกต้อง นั่นก็คือ ลงมือซื้อขายด้วยวิธีนี้แล้ว ในระยะยาวจะไม่ได้กำไร และมีโอกาสขาดทุนสูงนั่นเอง
สรุป
จากคำอธิบายและตัวอย่างที่แสดงให้เห็นข้างต้น ขอสรุปเป็นหลักการใช้งาน RSI รวมทั้ง Indicators ทุกประเภทแบบไม่ถูกต้อง คือ การตัดสินใจลงมือซื้อขายหุ้นโดยใช้สัญญาณจาก RSI หรือ Indicators เพียงอย่างเดียว โดยไม่ดูกราฟราคาหุ้น เป็นการซื้อขายหุ้นโดยใช้ Indicators ที่ไม่ถูกต้อง ครับ
จาก http://www.aommoney.com/
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
หากสนใจทดลองใช้งานโปรแกรม investorPlugin ได้ฟรี 14 วัน คลิ๊กเลย
Tel :: 02 166 3159-61 # 103-106
Email :: sales@investorz.com
Facebook :; www.facebook.com/InvestorZcom
Twitter :: https://twitter.com/investorZcom
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น